แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ lasik tips แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ lasik tips แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง Health Benefits of Asparagus

ขอบคุณภาพประกอบจาก relish.com
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง 
Health Benefits of Asparagus

หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) อุดมด้วยซัลเฟอร์ (Sulfur) ช่วยบำรุงสายตา และรักษาสายตาให้เป็นปกติ และมีเบตา-แคโรทีน (อังกฤษ: β-carotene) เป็นสารตั้งต้นของ วิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบตา-แคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย

ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตา

เบตา-แคโรทีน เมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : วิตามินเอ/เบตา-แคโรทีน
http://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินเอ

หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)

“หน่อไม้ฝรั่ง” หรือ “แอสพารากัส” (Asparagus) เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและมีทั้งชนิดที่เป็นหน่อสีเขียว หน่อสีขาว และหน่อสีม่วงเป็นผักที่ทานอร่อย กรุบกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถนำไปทำปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว หน่อไม้ฝรั่งยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย ที่มีประโยชน์ของแอฟริกา แหล่งที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยจะอยู่แถว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ชลบุรี และนนทบุรี

หน่อไม้ฝรั่งมี 3 ชนิดคือ หน่อขาว หน่อเขียว และหน่อสีม่วง

- หน่อขาว จะเก็บหน่อที่โผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วคุ้ยดินโดยรอบหน่อออก ใช้มีดตัดตรงโคนหน่อ นิยมนำไปทำหน่อไม้ฝรั่งบรรจุกระป๋องหรือครีมซุป เป็นต้น

- หน่อเขียว ที่เรานิยมกินกันนั่นเอง จะเก็บเกี่ยวก็ต่อเมื่อหน่ออ่อนแทงพ้นดินมาประมาณ 15-22 เซนติเมตร

- หน่อสีม่วง

สิ่งที่อยู่เหนือความอร่อยของหน่อไม้ฝรั่งคือ หน่อไม้ฝรั่งเป็นแหล่งของกลูตาไทโอน [glutathione] ซึ่งเป็นสารต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยสารนี้มีมากในผักใบเขียว หน่อไม้ฝรั่งและผลอโวคาโด
ข้อมูลเพิ่มเติม : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
http://www.doctor.or.th/article/detail/5633
     
สารอาหารที่พบในหน่อไม้ฝรั่ง

มีทั้ง โปรตีน แร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เซเลเนียม โฟลาซิน และกากใยมาก อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลาย มีวิตามินซี วิตามินบี ทั้งบี 1 บี 2 บี 3 และบี 6 วิตามินเค วิตามินบี วิตามินเอ โฟเลต มีสารกลูตาไธโอน มีปริมาณเกลือต่ำมาก และไม่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอล
     
คุณประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง

ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้ที่เป็นเบาหวาน เหมาะที่จะกินหน่อไม้ฝรั่งเพราะมีปริมาณของคาร์โบไฮเดรต แครอรี่ และไขมันต่ำ แล้วยังช่วยขับปัสสาวะ ลดกรดในลำไส้ ให้พละกำลัง และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดชื่น
ข้อมูลเพิ่มเติม : Food - Manager Online
http://www.manager.co.th/travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000113791

ข้อมูลเพิ่มเติม : Health Guidance
http://www.healthguidance.org/entry/12238/1/Health-Benefits-of-Asparagus.html

Health Benefits of Asparagus

It is also good for the eyes and it avoids you from being a victim of cataract, which is an eye problem seen in many people as they age. It is just because of the presence of glutathione and anti-oxidants.

ข้อมูลเพิ่มเติม : SFGate
http://healthyeating.sfgate.com/health-benefits-broccoli-spinach-asparagus-2361.html

Improved Vision

Spinach is a leafy green vegetable that contains a substance called lutein. Lutein helps strengthen the eyes and reduces the risk of macular degeneration and cataracts, according to the North Dakota State University. Macular degeneration occurs when the center point of vision becomes compromised. Broccoli, spinach and asparagus also contain relatively high amounts of vitamin A, an antioxidant vitamin that also is beneficial for eyesight. Spinach contains more than 9,300 international units per 100-gram serving, which is well over 100 percent of the recommended daily intake. Create a vitamin A-packed side dish by sauteing broccoli, spinach, asparagus and carrots together.

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของแตงโมช่วยบำรุงสายตา The benefits of watermelon nourish the eyes by LASIK HEALTHY EYES

ขอบคุณภาพประกอบจาก wall.alphacoders.com
ประโยชน์ของแตงโมช่วยบำรุงสายตา
The benefits of watermelon nourish the eyes .

แตงโม ภาษาอังกฤษ : Watermelon ส่วน แตงโมชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrullus lanatus (Thunb.) Matsum. & Nakai สำหรับชื่ออื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะเรียกว่า “บักโม” ส่วนภาคเหนือจะเรียกว่า “บะเต้า” แต่ถ้าเป็นคนจังหวัดตรังแล้วจะเรียกกันว่า “แตงจีน” เป็นต้น

แตงโมนั้นมีต้นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาในทะเลทรายคาลาฮารี ซึ่งชาติที่แรกที่ปลูกแตงโมไว้รับประทานนั้นก็คือชาวอียิปต์ (สี่พันกว่าปีมาแล้ว) สำหรับประเทศไทยนั้นการปลูกแตงโมจะมีอยู่ทั่วทุกภาคและปลูกได้ทุกฤดู

แตงโม จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ แคนตาลูป ฟักทอง แตงกวา ซึ่งนักพฤกษศาสตร์จัดให้อยู่ในวงศ์แตง (Family Cucurbitaceae) เป็นผลไม้ที่มีน้ำประกอบอยู่ในปริมาณมากจึงมีคุณสมบัติเย็น รับประทานแล้วหวานชื่นใจ

สำหรับประโยชน์ของแตงโมเช่น ช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง รักษาแผลในปาก เป็นต้น และยังเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอีกด้วยเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่างเช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบีรวม แคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เป็นต้น

แตงโม มีสารอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญอย่างมากนั่นก็คือ Citrulline (ซิทรูไลน์) ซึ่งจะพบสารนี้ในเปลือกมากกว่าส่วนของเนื้อ ดังนั้นการรับประทานแตงโมที่มีส่วนเปลือกขาวๆติดมาด้วยก็จะเป็นประโยชน์ที่ดีมากกว่าที่จะกินแต่เนื้อสดๆ

สำหรับประโยชน์ของสารนี้ก็คือ จะช่วยขยายเส้นเลือด ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันและยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่เป็นโรคเบาหวานและโรคอ้วนอีกด้วย เพราะมีแคลอรีต่ำมาก

ข้อควรระวัง

อย่างไรก็ตามก่อนที่เราจะผ่าแตงโมรับประทานควรจะล้างเปลือกให้สะอาดเสียก่อนเพื่อป้องกันสารพิษตกค้างซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เพราะแตงโมเป็นพืชที่ถูกรบกวนได้ง่ายจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ ชาวสวนจึงนิยมที่จะฉีดยาฆ่าแมลงเป็นปกติ

แต่สำหรับผู้ที่มีกระเพาะ ม้ามไม่แข็งแรง กระเพาะลำไส้อักเสบ หญิงหลังคลอด หลังป่วยหนัก หรือผู้ที่มีอาการปัสสาวะมากและบ่อย มีอาการท้องร่วงง่าย ไม่ควรรับประทานแตงโม

คุณค่าทางโภชนาการของผลแตงโมดิบ (ส่วนที่กินได้) ต่อ 100 กรัม

- พลังงาน 30 kcal 130 kJ
- คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม
- น้ำตาล 6.2 กรัม
- เส้นใย 0.4 กรัม
- ไขมัน 0.15 กรัม
- โปรตีน 0.16 กรัม
- วิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3%
- วิตามินบี1 0.033 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี2 0.021 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี3 0.178 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี5 0.221 มิลลิกรัม 4%
- วิตามินบี6 0.045 มิลลิกรัม 3%
- กรดโฟลิก 3 ไมโครกรัม 1%
- วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม 14%
- ธาตุแคลเซียม 7 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.24 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุโพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

ประโยชน์ของแตงโม

- มีวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงสายตา แก้ตาฟาง หน้าที่ของวิตามินเอคือช่วยในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น หากขาดจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย และทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามินเออย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้

- วิตามินเอในผลแตงโม มีส่วนช่วยล้างพิษจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปได้ด้วย ใช้รับประทานเป็นผลไม้สด ทำเป็นน้ำผลไม้ดื่มคลายร้อน ลดความร้อนในร่างกาย เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ต้องการลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักอย่างมาก เพราะมีแคลอรี่ต่ำ ประโยชน์แตงโมช่วยในการควบคุมน้ำหนักไม่ให้น้ำหนักเกิน ป้องกันการสะสมของไขมันที่เป็นอันตรายกับร่างกาย ลดปริมาณไขมันที่จับอยู่ภายในเลือด

- แตงโมยังมีสรรพคุณที่สามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อ เพราะจากการดื่มน้ำแตงโมจะช่วยเพิ่มเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายสามารถใช้ในการสร้างวิตามินเอ และการมีวิตามินเอมากๆ ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แตงโมยังเป็นผลไม้ที่มี citrulline อยู่มาก สารตัวนี้จะไปช่วยในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น ในการรับประทานแตงโม ควรทานเนื้อของแตงโมด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่อยู่ลึกลงไป แม้รสชาติจะไม่ค่อยหวานแต่มีประโยชน์มากมาย

- แตงโมช่วยลดความอ้วนได้ จากงานวิจัยต่างๆที่ตีพิมพ์ใน วารสารโภชนาการ ของต่างประเทศ “Journal of Nutrition” ได้ให้ข้อมูลว่า กรดอะมิโนในแตงโม ที่มีชื่อว่า “อาร์จินิน (Arginine)” มีอยู่มากมายในเนื้อแตงโม เป็นสารที่ช่วยในการเผาพลาญแคลอรี่ได้  โดยนักวิจัยได้ให้อาหารเสริม Arginine แก่หนูที่มีน้ำหนักเกินเป็นเวลาติดต่อกันกว่าสามเดือน และพบว่ามันช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกาย ลูงได้ถึง 64 % ไม่เพียงแค่นั้น ยังช่วยให้เราอิ่มได้ไวขึ้นอีกด้วย

- ทานแตงโมแล้วคลายเครียด แตงโมสามารถช่วยลดความตึงเครียดได้อีกด้วย เพราะโพแทสเซียมในแตงโม จะช่วยควบคุมความดันโลหิต ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดีเย็นชื่นใจ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย

- แตงโมช่วยทำให้ผิวพรรณดี ให้เราเฉือนแตงโมให้เป็นชิ้นบางๆ พยายามใช้เนื้อที่อยู่วงในสุด (ถ้าใช้เนื้อแตงโมที่อยู่ใกล้เปลือกจะมีความเข้มข้นของกรด) พอได้สักประมาณ 10-15 ชิ้นแล้ว ให้เรานำมาวางที่ผ้าขาวบาง แล้วนำมาปิดลงที่ใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

TIP

วิธีการเลือกซื้อแตงโม

- ควรเลือกแตงโมที่ลักษณะ เปลือกผิวเรียบ ไม่เป็นรอยบุบ หรือช้ำ
- ลองดีดแตงโมจะได้ยินเสียงที่แน่น แปลว่าเนื้อในกรอบ
- สังเกตุที่ขั้วแตงโมจะไม่แห้งมากสีคล้ายคลึงกับผิวแตงโม
- ถ้าเขาผ่าแตงโมให้ดู ควรเลือกที่มีสีแดงเป็นธรรมชาติไม่สดมาก เพราะถ้าสีแดงสดมากใช้สารเร่งสีเยอะ

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Antioxidant carotenoids found in watermelon include significant amounts of beta-carotene. Like lycopene, the beta-carotene in watermelon also increases with ripening.

Red-pink fleshed watermelons typically contain far more lycopene and beta-carotene than yellow-white fleshed varieties. For example, one study we've seen showed red watermelon to contain over 600 micrograms of beta-carotene per 3.5 ounces of melon and over 6,500 micrograms of lycopene. By comparison, yellow-fleshed varieties were found to contain only 5-10 micrograms of beta-carotene and no measurable amount of lycopene. In red/pink-fleshed watermelons as a group, we've seen lycopene amounts that vary widely in a range of approximately 2,000–6,700 micrograms per 3.5 ounces of fresh melon. Beta-carotene in these red/pink-fleshed varieties also varies widely, in a range of approximately 5–325 micrograms. Because watermelon contains so many different phytonutrients—as well as key vitamins and minerals, as well as dietary fiber—your health is going to be improved by any watermelon variety that you choose. However, if you specifically want to maximize your lycopene and beta-carotene intake, you'll most likely want to stick with red/pink-fleshed varieties of watermelon.
Thanks English Info From : Watermelon - The World's Healthiest Foods
http://goo.gl/6SdrUQ

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Citrulline
Citrulline is an amino acid, and within the body it changes over to arginine. A study reported in the Journal of Nutrition for the American Society for Nutritional Sciences states that arginine actually reverses the negative action of the cells (such as developing atherosclerosis) that is brought on by heart disease risk factors such as smoking, obesity, aging and high blood pressure.

Vitamins A and C
Watermelon is also an excellent source of vitamins A (beta-carotene) and C, both antioxidant vitamins. The National Cancer Institute reports that these antioxidants have been found in some studies to prevent cellular damage that can lead to cancer, but that more human studies must be done to confirm this. The institute does, however, recommend eating a diet rich with fruits that contain antioxidants, which would obviously include.
Thanks English Information From : livestrong
http://goo.gl/MgTnkv

ข้อมูลอ้างอิง

วิตามินเอ : จากวิกิพีเดีย
http://goo.gl/j71VfW
แตงโม ผลไม้มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด | สุขภาพไทย.com
http://goo.gl/ldKSAe
กรีนเนอรัลด์ เฮลท์
http://goo.gl/uww5Ij
Watermelon - The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=31#healthbenefits
livestrong
http://www.livestrong.com/article/17784-nutritional-value-watermelon/

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของผักหวานบ้าน Benefits of Sweet leaf Bush by LASIK HEALTHY EYES

ขอบคุณภาพประกอบจาก kasetporpeang.com
ประโยชน์ของผักหวานบ้าน (Sweet leaf Bush)
Benefits of Sweet leaf Bush.

ชื่อสมุนไพร ผักหวานบ้าน
ชื่ออื่นๆ ผักหวานใต้ใบ (สตูล) มะยมป่า (ประจวบคีรีขันธ์) ก้านตง ใต้ใบใหญ่ จ๊าผักหวาน ผักหลน (เหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sauropus androgynus (L.) Merr.
ชื่อพ้อง Sauropus albicans Bl.
ชื่อวงศ์ Euphorbiaceae
ชื่อสามัญ  Star Gooseberry, Sweet leaf Bush

ขอบคุณภาพประกอบจาก foodnetworksolution.com

ผักหวาน เป็นผักที่ใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด และยังเป็นพืชสมุนไพร มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของโปรตีน วิตามินซี (vitamin C) เบตา-แคโรทีนซึ่งช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา และมีสรรพคุณเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงและ มีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย

ขอบคุณภาพประกอบจาก phargarden.com

ผักหวานมี 2 ประเภท ดังนี้

1. ผักหวานบ้าน (EUPHORBIACEAE:Sauropus abicans) ลักษณะเป็นไม้พุ่มต้นเล็ก ต้นสูงประมาณ 2-4 ฟุต ใบคล้ายใบมะยม แต่มีนวลขาว บนหน้าใบ ดอกเล็กเป็น ช่อสีแดง ขาว ผลขนาดเล็ก มีสีเขียวอ่อน จานรองผลมีสีแดงเข้มติดห้อยย้อยตามกิ่งใต้ผักหวานบ้านเป็นพืชที่ปลูกง่ายนิยมใช้ต้นอ่อนมาปลูกในสวน ตามพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมรั้วบ้านหรือที่ใกล้แหล่งน้ำ

ข้อควรระวัง : การรับประทานผักหวานไม่ควรรับประทานสดๆ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากผักหวานบ้านมีสารอัลคาลอยด์ปาปาเวอรีน (papaverine) ซึ่งเป็นพิษต่อปอด และมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นโรคที่เนื้อเยื่อปอดถูกทำลายชนิด bronchiolitis obliterans (SABO) syndrome จากการกินผักหวานเป็นจำนวนมากเพื่อต้องการลดน้ำหนัก

2. ผักหวานป่า (OPILLACEAE :Melientha suavis) เป็นผักพื้นบ้านของไทยที่ขึ้นเองตามป่าราบ มีทุกภาคในประเทศไทย ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมถึงขนาดกลางใบใหญ่ยาวคล้ายใบมะตูมผิวขาวนวล ผลกลม ขนาดเล็ก สีแดง ใบอ่อน ใช้รับประทานได้ เช่น ใบผักหวานบ้าน แต่รสหวานดี และมีราคาแพงกว่าผักหวานบ้าน

ข้อควรระวัง : การบริโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสดๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมา เป็นไข้ และอาเจียนได้

การเก็บใบผักหวานป่าไปรับประทาน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีต้นไม้ อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ต้นเสน" เป็นไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับต้นผักหวานมาก ลำต้นออกมีสีหม่นๆ และใบหนากว่ากันเล็กน้อย ใบต้นเสนถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้คลื่นไส้อาเจียน คอแห้ง อ่อนเพลีย หมดสติ ถ้ากำลังน้อย อาจตายได้

ข้อควรระวังในการบริโภคผักหวานป่า 

การบริโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสดๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมา เป็นไข้ และอาเจียนได้

คุณค่าทางโภชนาการของผักหวาน

ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของผักหวานทั้ง 2 ชนิดคล้ายคลึงกัน จัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของโปรตีน วิตามินซี เบตา-แคโรทีนซึ่งช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และมีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย

คุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากนี้ จากรายงานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (กองโภชนาการ 2535) มีการศึกษาคุณค่าทางอาหารของใบ และยอดผักหวานพบว่าใบและยอดผักหวาน 100 กรัม มีทั้งไขมัน ,คาร์โบไฮเดรต , เส้นใย, โปรตีน, วิตามินบี, วิตามินบี 2,  วิตามินซี,  แคลเซี่ยม,  เหล็ก, ฟอสฟอรัส,ไนอาซีน (วิตามินบี 3) และยังมีวิตามินเอ ที่มีประโยชน์กับสายตาสูงถึง 20.503 หน่วยสากล วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายในด้านการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)
     
ยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100 กรัม ให้พลังงาน 300 กิโลจูล (KJ) ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญคือ

- น้ำ 76.6 กรัม
- โปรตีน 8.2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม
- ใยอาหาร 3.4 กรัม
- เถ้า 1.8 กรัม
- เบตา-แคโรทีน 1.6 มิลลิกรัม
- วิตามินซี (vitamin C) 115 มิลลิกรัม

ประโยชน์ในการประกอบอาหาร

ส่วนของผักหวานบ้าน (Sweet leaf Bush) ที่นำมาใช้ทานเป็นผัก ก็คือ ใบและยอดอ่อน โดยใช้เป็นผักจิ้ม ซึ่งนิยมลวกให้สุกเสียก่อน หรือนำไปแกง เช่น แกงเลียง หรือแกงจืด นอกจากนั้นยังนำไปผัด เช่น ผัดน้ำมันหอย เป็นต้น น่าสังเกตว่า ชนิดอาหารที่ปรุงจากผักหวานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้ม แกงเลียง แกงจืด หรือผัดน้ำมันหอย ล้วนแล้วแต่มีเครื่องปรุงแต่งน้อย เพราะรสชาติของผักหวานบ้าน มีรสชาติดีกว่าผักทั่วไป คนไทยปัจจุบันไม่ค่อยได้กรับประทานผักหวานบ้านเหมือนในอดีต เพราะในตลาดไม่ค่อยพบผักหวานบ้านวางขาย ทั้งที่รสชาติของผักหวานบ้านนั้นดีกว่าผักส่วนใหญ่ที่มีขายในท้องตลาดปัจจุบัน โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่ชอบอาหารรสจัดน่าจะชอบผักหวานบ้านเป็นพิเศษ

ผักหวานบ้าน ตรงใบและยอดอ่อน จะมีวิตามินเอมากเป็นพิเศษ คือใน ๑๐๐ กรัม มีวิตามินเออยู่สูงถึง ๑๖,๕๙๐ หน่วยสากล (IU) วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายในด้านการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)

ผักหวาน ที่เป็นไม้ยืนต้นในจำนวนไม่มากนักที่มีวิตามินเคอยู่ด้วย ซึ่งวิตามินเคนี้มีสรรพคุณในการช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีบาดแผลเลือดออก ช่วยให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับวิตามินดีในการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกและเนื้อเยื่อไต

โดยทั่วไปแล้วประมาณร้อยละ ๕๐ ของวิตามินเคได้มาจากการสังเคราะห์ของแบคทีเรียในลำไส้ และหากรับประทานอาหารอย่างสมดุล ร่างกายก็จะได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพออยู่แล้ว ส่วนที่เหลือได้จากอาหารที่มีวิตามินเค ได้แก่ ผักใบเขียว เช่น บร็อกโคลี่ ผักโขม ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักหวานบ้าน ตับ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งวิตามินซีและเบตา-แคโรทีน ซึ่งมีอยู่ในผักหวานและแครอทอาจถูกทำลายไปบ้างจากความร้อนในการต้ม ดั้งนั้น เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ จึงไม่ควรใช้เวลาในการต้มผักนานเกินไปและควรรับประทานทันทีหลังปรุงเสร็จใหม่ๆ

ข้อควรระวัง

ใบผักหวานเมา มีลักษณะคล้าย ใบผักหวานมาก ลักษณะแตกต่างที่เห็นชัด คือ
1. ลักษณะช่อดอกของผักหวานซึ่งเป็นดอกแยกเพศ และเป็นช่อดอกคล้ายช่อแยกแขนง
2. ส่วนผักหวานเมานั้นเป็นดอกสมบูรณ์เพศ และช่อดอกกระจะ

หากพบในช่วงที่ไม่มีช่อดอกนั้นสามารถแยกความแตกต่างที่ลักษณะใบได้ดังนี้ 
1. ผักหวานมีปลายใบมนหรือแหลมและแผ่นใบกว้างกว่า
2. ส่วนผักหวานเมานั้นมีปลายใบเรียวแหลมและแผ่นใบแคบกว่า
       
สรุปได้ว่าผักหวานที่สามารถรับประทานได้มีสามชนิด คือ
- ผักหวานมักเรียกกันว่าผักหวานป่า
- ผักหวานบ้านซึ่งพบได้ทั่วไป และ
- ผักหวานป่าหรือผักพูมซึ่งพบเฉพาะในภาคใต้เท่านั้น

ส่วนผักหวานที่มีความเป็นพิษนั้นคือ ผักหวานเมาหรือผักแหวน ซึ่งมีลักษณะคล้ายผักหวานมากแต่สามารถแยกความแตกต่างได้ดังแสดงไว้ในตารางสรุป



ขอบคุณภาพประกอบจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งข้อมูล/ข้อมูลอ้างอิง

ผักหวาน : Food Network Solution
http://goo.gl/RhQggB
ผักหวานบ้าน - ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบล
http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=77
ผักหวาน (Star Gooseberry) - FoodTravel
http://www.foodtravel.tv/recingradientshow_detail.aspx?viewId=275
แกงจืดผักหวาน | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
http://www.doctor.or.th/article/detail/11228
ข้อควรระวังคือใบผักหวานเมามีลักษณะคล้ายใบผักหวานมาก
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ศาสตาจารย์ ดร.วงศ์สถิตย์ ฉั่วกุล
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=145
ผักหวานบ้าน ปลอดสารพิษ : hm-garden
http://goo.gl/KiS4bb
Sweet Leaf Bush ~ Survival Food - Herbs are Special
http://herbsarespecial.com.au/isabells_blog/sweet-leaf-bush-survival-food.html
ผักหวานบ้าน - The-Than.com
http://www.the-than.com/samonpai/P/46.html

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์หลากหลายของลูกพรุน Various Benefits of Prunes by LASIK HEALTHY EYE

ขอบคุณภาพประกอบจาก : topsten.com
หลากประโยชน์ของลูกพรุน (Prunes)
Various Benefits of Prunes

ลูกพรุน (Prunes)

ลูกพรุน (Prunes) คือ ผลจากการนำลูกพลัมมาตากแห้ง เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือลักษณะที่นำมารับประทานมีทั้งรับประทานเป็นผลสด นำมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำลูกพรุน และนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร ในปัจจุบันประเทศทางแถบเอเชียให้ความสนใจลูกพรุนมากขึ้นเนื่องจากคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานลูกพรุน และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มาจากลูกพรุน

ลูกพรุน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Prunus domestica วงศ์ Rosaceae  ต้นกำเนิดอยู่ในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และขึ้นได้ดีในอีกหลายประเทศ มีหลายสายพันธุ์ แต่หาซื้อได้ง่าย จะเป็นลูกพรุนสีแดงดำ เมื่อแห้งแล้วจะออกดำ รสชาติอมเปรี้ยวหอมหวานน่ารับประทาน

สรรพคุณของลูกพรุนมีหลายประการดังนี้

- ช่วยบำรุงตาเนื่องจากมี
1.วิตามินอี บำรุงตาในส่วนของจอรับภาพหรือ จอประสาทตา ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก นอกจากนี้ยังมี
2.วิตามินบี 2 ที่ช่วยบำรุงเส้นประสาทที่เลี้ยงลูกตา ช่วยเสริมประสิทธิภาพการมองเห็น และรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา และ
3.วิตามินเอ ช่วยป้องกันตาบอดกลางคืน (Night Blindness) เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น และช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรคด้วย (ช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสงในตา เป็นต้น
- ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากลูกพรุนมีวิตามินอีและแร่ธาตุที่ช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อยามเครียด
- ช่วยลดการอักเสบเจ็บปวดต่างๆ
- ช่วยลดปวดประจำเดือนได้เนื่องจากลูกพรุนมีแมกนีเซียมที่ช่วยคุมฮอร์โมนให้ปกติและช่วยบรรเทาอาการปวดได้แต่ต้องรับประทานก่อนปวดประจำเดือนประมาณ 1-2 วัน ฯลฯ

ลูกพรุน อุดมไปด้วยกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย บรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง อีกทั้งลูกพรุนยังช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

ลูกพรุน ช่วยบำรุงเลือดและช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยเฉพาะผู้ป่วยโลหิตจาง และสตรีมีครรภ์ เนื่องจากลูกพรุนมีธาตุเหล็ก แคลเซียมและวิตามินบี 2 ซึ่งธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าผู้หญิงนั้นในแต่ละเดือนต้องสูญเสียเลือดประจำเดือนไปเท่าไร ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่ขาดไม่ได้

ลูกพรุน มีส่วนช่วยในเรื่องกระดูก เนื่องจากมีผลการศึกษาพบว่าลูกพรุนมีส่วนช่วยให้กระดูกผุช้าลง จากการตรวจเลือดของสตรีที่รับประทานลูกพรุนแห้งวันละ 1 ขีดติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน พบว่ามีการสร้างกระดูกมากขึ้นได้อย่างชัดเจน

ลูกพรุน ให้ประโยชน์ที่เด่นมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่วยชะลอความแก่เนื่องจากมีวิตามินซี และ วิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดยจะช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

และในส่วนของวิตามินอีนั้น ก็ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดงทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โดยกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกาได้เปรียบเทียบผลไม้ที่ช่วยชะลอความแก่จากมากไปหาน้อยพบว่า ลูกพรุนแห้ง จะช่วยชะลอความแก่ได้ดีที่สุดโดยสูงกว่า ลูกเกด บลูเบอรี่ ส้ม เกรปฟรุต แอปเปิ้ล ลูกแพร์ เป็นต้น

สรุปสารอาหารที่สำคัญในลูกพรุน คือ

- ไฟเบอร์ (Fiber)
- โปแตสเซียม (Potassium)
- สารต้นอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
- คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates)
- วิตามินซี (Vitamin C)
- วิตามินเอ (Vitamin A)
- วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
- ธาตะเหล็ก (Iron)
- เพคติน (Pectin)
- สารอาหารอื่นๆ (Other Nutrients)
และยังมีสารอหารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่พบ ได้ในลูกพรุน คือ แร่ธาตุ ต่างๆ เช่น ทองแดง (copper) , แคลเซียม (calcium) ฟอสฟอรัส และ แมกนีเซียม (phosphorus and magnesium) เช่นเดียวกับ วิตามิน ต่างๆ เช่น วิตามินบี 1 (thiamine) , วิตามินบี 2 (riboflavin) , โฟเลต (folate) , วิตามินบี 3 (niacin) , วิตามินบี 5 (panthotenic acid) และ วิตามินบีรวม (vitamin b complex)

ข้อมูลเพิ่มเติม :

Dried plums are often called prunes. This fruit may be dehydrated in an oven or in the sun, and they resemble large, black raisins. The leathery skin and moist flesh provide nutritional benefits. Consult your physician before eating dried plums to correct medical issues.

Vitamin A

Consume a serving of dried plums, and you take in 27 percent of the daily recommended intake of vitamin A. This makes dried plums a good choice for eye health – vitamin A fosters good nighttime vision and protects the cornea. The vitamin A in this fruit is also helpful for the immune system in general. Research featured in a 2011 issue of “Vitamins and Hormones” reports that vitamin A may help trigger cell death in potentially dangerous cells.
Thanks English Info From : livestrong
http://www.livestrong.com/article/420197-what-are-the-benefits-of-dried-plums/?utm_source=livestrong_opar&utm_medium=3&LS-2659

ข้อมูลเพิ่มเติม :

Health Benefits of Prunes

Prunes are plums that have been dehydrated to preserve its nutrients longer. There are several health benefits of prunes, which provide excellent sources of fiber, vitamins and minerals and likewise help in the improvement of general well being.

Prunes are dried plums which are basically sweet, chewy, sticky and highly nutritious especially if it has no preservatives. Plums are dehydrated for the purpose preserving all its nutrients at a much longer time. There are therefore numerous health benefits of prunes.
Thanks English Information From : WEB-CLINIC.ORG
http://www.web-clinic.org/Benefits-Of-Prunes.html

ข้อมูลอ้างอิง

บทความรายการวิทยาศาสตร์เพื่อประชาชน : สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=5477
Prunes : The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=103
Prune From Wikipedia
http://en.wikipedia.org/wiki/Prune#Health_effects
What Are The Benefits Of Dried Plums? : livestrong
http://www.livestrong.com/article/420197-what-are-the-benefits-of-dried-plums/?utm_source=livestrong_opar&utm_medium=3&LS-2659
ข้อควรระวัง : สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=5477
สารอาหารที่สำคัญในลูกพรุน : Web Clinic
http://www.web-clinic.org/Benefits-Of-Prunes.html
Vitamin Bible by Dr. Earl Mindell R.PH., M.PH., PH.D
ข้อควรระวัง : giffarinethailand
http://www.giffarinethailand.com/th/interesting_info.php?nid=103
มารู้จักลูกพรุนกันเถอะ : มีคำตอบ - กูรู
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=032466abe2e883ef

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

องุ่นช่วยบำรุงสายตา Grapes nourish the eyes by LASIK HEALTHY EYE

ขอบคุณภาพประกอบจาก www.picstopin.com
องุ่นช่วยบำรุงสายตา 
Grapes nourish the eyes .

องุ่น (Grape) ประกอบด้วยสารลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม คาร์โรตีนอยด์สองประเภทที่สำคัญต่อการรักษาสุขภาพดวงตาเมื่ออายุมากขึ้น

องุ่น (Grape) อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิเดนท์) องุ่นทุกสีล้วนเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งสารในกลุ่ม โพลีฟีนอล ฟลาโวนอยด์ และเป็นแหล่งของสารเรสเวอราทรอล สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นสารตามธรรมชาติในการป้องกันการเสื่อมสลายของเซลล์

สารเรสเวอราทรอล ในองุ่นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มหัศจรรย์ องุ่นเป็นแหล่งอาหารหลักที่มี สารไฟโตนิวเทรียนท์ยนท์ อยู่มากที่สุด ส่วนสารเรสเวอราทรอล จะอยู่ที่ผิวองุ่นและพบในองุ่นทั้งสามสี เรสเวอราทรอล การศึกษาจำนวนมากจัดให้สารเรสเวอราทรอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีคุณสมบัติเพื่อสุขภาพหลากหลายตั้งแต่ลดความเสี่ยงมะเร็งและอัลไซเมอร์

สารเรสเวอราทรอลในผลองุ่น
Resveratrol in grape

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารไฟโทอะเลกวินที่พืชสร้างขึ้นในภาวะเครียด ทั้งที่เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิต เพื่อทำหน้าที่เป็นสารป้องกันตัวเอง เรสเวอราทรอลเป็นสารธรรมชาติในพืชที่มีประโยชน์แก่สุขภาพของมนุษย์ จึงได้รับความสนใจมากเพราะสารนี้ช่วยป้องกันโรคของมนุษย์ได้หลายชนิด

ในองุ่นมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าพืชชนิดอื่น ๆ องุ่นแดงมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าองุ่นเขียว เปลือกผลและเมล็ดมีปริมาณสารเรสเวอราทรอลมากกว่าในเนื้อองุ่นหลายเท่า

เรสเวอราทรอล มีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลเสรีที่มีประสิทธิภาพสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับสารอื่น ๆ ที่มีสมบัติเป็นตัวต้านออกซิเดชัน (antioxidant) เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี


วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายในด้านการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)

วิตามินอี มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคตา โดยเฉพาะในทารกคลอดก่อนกำหนด จากการวิจัยพบว่า การขาดวิตามินอีทำให้จอรับภาพของดวงตาเสื่อมได้

ข้อมูลอ้างอิง :
องุ่นบำรุงสายตา : Grapes from California
http://buff.ly/1aF5mmD
สารเรสเวอราทรอลในผลองุ่น : สายชล เกตุษา
วารสารราชบัณฑิตยสถาน
http://buff.ly/1aegZE3
เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เขียนโดย Greenclinic
http://buff.ly/1aej8jd

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผักบุ้งบำรุงสายตา Health Benefits of Morning Glory

ขอบคุณภาพประกอบจาก blog.seasonwithspice.com
ผักบุ้งบำรุงสายตา
Health Benefits of Morning Glory

ผักบุ้ง (Morning Glory) มีสารที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามิน A ที่เรียกว่า เบต้า - แคโรทีนมาก และวิตามิน A นี้เองที่เป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตาเป็นประกาย

และยังช่วยแก้ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนได้ ช่วยให้หายแสบตาจากอาการตาแห้ง และลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตามากๆ และผักบุ้งไมได้มีแต่วิตามิน A เท่านั้น ยังมีวิตามิน C อีกด้วย แต่ถ้าต้องการได้รับวิตามิน C จากผักบุ้ง ต้องทานเป็นผักบุ้งดิบ ทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า - แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย

นอกจากนี้ในผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด อีกทั้งแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูก รวมถึงมีเส้นใยอาหารช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย และในผักบุ้งมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลินที่สามารถลดน้ำตาลในกระแสเลือดสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน และผักบุ้งเป็นผักที่มีฤทธิ์เย็นจึงช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้ และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของผักบุ้งที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ ผักบุ้งเป็นหนึ่งในตำรายาไทย คือถือเป็นยาเย็นแก้ถอนพิษเมื่อมีอาการเมาอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ
สสส.http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/18469
ขอบคุณภาพประกอบจาก blog.seasonwithspice.com


"ผักบุ้ง" (Morning Glory)  บำรุงสายตา อุดมวิตามินเอ-เบต้าแคโรทีนสูง แก้ตาฟาง ลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเป็นเวลานาน และช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง"

Morning Glory

Antioxident-rich vegetables should be part of any healthy eating plan and they are also full of vitamins, dietary fiber and minerals. Regularly eating vegetables can reduce your risk of macular degeneration, obesity and certain cancers, Harvard University School of Public Health notes. Morning glory is a stir fried Thai classic containing garlic, oyster sauce and the green leafy vegetable morning glory. People that regularly consume green leafy vegetables have a significantly lower risk of developing type 2 diabetes, ScienceDaily reports
Thanks Eng. Info : livestrong.com
http://buff.ly/1bO5oeS

SPECIAL TIPS FOR YOU

Vegetable Stir Fry Recipe

Thai-Style Stir-Fry Vegetables

This vegetable recipe is simple and straightforward. Reduce the oil if you prefer, but the oil adds a more substantial flavor. Water helps to cook the vegetables. A little sugar is also a nice addition, off-setting the saltiness of the sauces.

Ingredients

- Approx. 2 cups of cut up green vegetables (i.e. water spinach, Chinese cabbage, broccoli, etc. cut 1 1/2 by 1 1/2 inch pieces)
- 2-3 cloves of garlic (, smashed with the side of a cleaver or knife
- 3 tblsp canola or other vegetable oil
- 1 tblsp of fish sauce (Golden Boy brand is preferred)
(For Vegetarian : fish sauce is usually substituted by a Light (thin) Soy Sauce. )
- 2 tblsp of Thai soy sauce (Healthy Boy brand is preferred)
- 2 tblsp of Thai oyster sauce or yellow bean sauce
( For Vegetarian : Oyster sauce is usually substituted by a Soy Sauce with Mushroom from Healthy Boy Brand.)
- 1/3 tsp sugar
- 1/4 cup water

Preparation

Heat oil until hot, over medium-high heat (not smoking though). Add the garlic (For Vegetarian : Garlic instead with sesame roasted.). Immediately, add the cut up vegetables. Cook, stirring constantly until cooked slightly, approximately 2 minutes, depending on the vegetable.
Add fish sauce, soy sauce, and oyster sauce. Add water and sugar.
Continue to stir fry until the vegetable is cooked through. Approximately another 1 to 1 1/2 minutes, so the vegetable is still somewhat firm. Remove from heat.
Serves 2-4.
Thanks Recipe Info From : Temple of Thai
http://buff.ly/1bOcFvc

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ทางโภชนาการของเกรปฟรุต Nutritional Benefits of Grapefruits

ขอบคุณภาพประกอบจาก : texasweet.com
ประโยชน์ทางโภชนาการของเกรปฟรุต
Nutritional Benefits of Grapefruits fruit.

เกรปฟรุต (Grapefruits)

เกรปฟรุต (Grapefruits) เป็นไม้ผลกึ่งเขตร้อนในสกุล Citrus ที่เพาะปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวผล ซึ่งแต่เดิมเคยเรียกว่า ผลไม้ต้องห้ามแห่งบาร์เบโดส

เกรปฟรุต ภาษาอังกฤษ Grapefruit เป็นผลไม้กึ่งเขตร้อนที่จัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยวถึงเปรี้ยวจัด มีรสฝาดปนๆนิดๆ

ปกติแล้วไม้ไม่ผลัดใบชนิดนี้จะพบว่าสูงประมาณ 5-6 เมตร แต่ความจริงแล้วสามารถสูงได้ถึง 13-15 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม รูปร่างยาว (มากกว่า 15 เซนติเมตร) และผอม ดอกมี 4 กลีบ สีขาว ขนาด 5 เซนติเมตร ผลมีเปลือกสีเหลือง รูปกลมแป้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-15 เซนติเมตร เนื้อผลแบ่งเป็นกลีบ สีเหลืองแบบกรด

ผลเป็นที่นิยมตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นเพียงแต่ปลูกเป็นไม้ประดับ สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ มีสวนอยู่ในฟลอริดา เท็กซัส แอริโซนา และแคลิฟอร์เนีย ในภาษาสเปน ผลไม้ชนิดนี้รู้จักในชื่อว่า Toronja หรือ Pomelo

ประโยชน์ของเกรปฟรุต

เกรปฟรุต (Grapefruits) เป็นผลไม้ตระกูลส้ม มีวิตามินซี ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

สารต่อต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุต มีประสิทธิภาพในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
การดื่มน้ำเกรปฟรุตจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้า เมื่อยล้า

คำเตือน : การรับประทานหรือดื่มน้ำเกรปฟรุตร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยารักษามะเร็ง ยาลดระดับคอเลสเตอรอล ยาลดความเลือด ยาที่ใช้เพื่อกดระบบภูมิต้านทาน เป็นต้น (สถาบันวิจัยสุขภาพลอว์สันจากมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ระบุว่ายาที่มีผลข้างเคียงต่อเกรปฟรุต มีตัวยามากกว่า 43 ชนิด) อาจส่งผลให้เกิดอาการ Overdose หรือ ปริมาณยาที่มากเกินไปได้

เนื่องจากน้ำผลไม้ดังกล่าวมีฤทธิ์ทำให้ตัวยาที่รับประทานเข้าไปไม่แตกตัวในลำไส้และตับ ซึ่งหมายความว่าจะมีปริมาณยาจำนวนมากที่ไม่ถูกดูดซึมผ่านระบบการย่อยอาหารที่สะสมในเลือด เกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว ดังนั้นหากคุณกำลังรับประทานยาอะไรอยู่ก็ตาม ก่อนการรับประทานเกรปฟรุตคุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

ข้อมูลเพิ่มเติม :

ผลไม้ตระกูลส้ม วิตามินซีที่พบได้ในผักและผล เช่น ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวาน นั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

ผลไม้ในตระกูลส้มมีอีกมากมาย เช่น เกรปฟรุต ส้มโอ (Pummelos) เนื้อสีขาว เนื้อสีแดงหรือเนื้อสีชมพู  ส้มเกลี้ยง ส้มเขียวหวาน ส้มโชกุน ส้มแก้ว มะกรูด (Aegle marmelos) มะขวิด (Feronia limonia) เป็นต้น

Benefits of Eating Grapefruit

Grapefruit is not only a refreshing way to start your day, it is a nutrient-dense food. An entire medium grapefruit has a minimal 40 calories, while offering lots of antioxidants and other nutrients that protect your body. Opt for whole grapefruit, rather than grapefruit juice. Although juice still provides nutrients, you'll miss out on all of the beneficial fiber.

Vision

You help protect your eyes when you eat grapefruit, because it is high in vitamin A. Women need 700 micrograms of vitamin A each day and men require 900 micrograms, reports the Office of Dietary Supplements. One medium 4-inch grapefruit has approximately 60 micrograms of vitamin A.

Grapefruit also has beta-carotene, lycopene, lutein and zeaxanthin. These phytochemicals are compounds of vitamin A that protect eye health and lower your risk of age-related macular degeneration, which leads to vision loss.

A Few Words of Warning: Despite all of these health benefits, and the fact that sometimes grapefruits can be superior to other medicines in their efficacy, you must be very careful taking medicine and consuming grapefruit juice at the same time.

Certain chemicals in grapefruits, like naringin, and other less common compounds can negatively interact with various drugs and cause damage to your organ systems. Be sure to consult your doctor in terms of drug interactions with grapefruit juice in your diet before beginning any new treatments! You want to improve your health, but sometimes doing it in too many different ways can hurt you!

ข้อมูลอ้างอิง

เกรปฟรุต - วิกิพีเดีย
http://goo.gl/lXbZjY

คำเตือน : กรีนเนอรัลด์ ดอทคอม
http://goo.gl/DdXIOl

Benefits of Eating Grapefruit and Vision : SFGate
http://healthyeating.sfgate.com/benefits-eating-grapefruit-4402.html

A Few Words of Warning : Organic Information Services
http://www.organicfacts.net/health-benefits/fruit/health-benefits-of-grapefruit.html

ขอบคุณภาพประกอบจาก : texasweet.com

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

ประโยชน์ของผักสีขาว Benefits of white vegetables

ขอบคุณภาพประกอบจาก kitchen-appqred
ประโยชน์ของผักสีขาว 
Benefits of White Vegetables

ข้อดีของ “ผักสีขาว” มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

เป็นที่ทราบกันดีว่า “สีขาว” แม้จะไม่ได้เป็น 1 ใน 7 ของสีรุ้ง แต่เป็นการรวม 7 สีของสีรุ้งเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นสีขาว

สำหรับผักผลไม้ที่มีสีขาว สีชา และสีน้ำตาล เกิดจากสารให้สีในกลุ่มของ ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เช่น
- แอนโธซานติน (เหลืองนวล)
- แทนนิน (ไม่มีสี) ซึ่งฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง

นอกจากนั้นผักกลุ่มนี้ยังมีสารประกอบหลายชนิดที่นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น

ในกระเทียม หัวหอม มีสารอัลลิซิน (allicin) ซึ่งช่วยป้องกันโลหิตสูง ลดคลอเลสเตอรอล อีกทั้งยังป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ

สารอัลลิซิน ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและเนื้องอก ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในการทำลายพิษช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

ในเมล็ดงามีสารเซซามิน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มปริมาณวิตามินอีในร่างกาย รวมทั้งในงานวิจัยยังพบว่าสามารถลดไขมันในกระแสเลือดและคลอเรสเตอรอลในเลือดได้

ผักสีขาวที่เราสามรถเลือกรับประทานมีดังนี้

ดอกกะหล่ำ กระเทียม ต้นกระเทียม ขิง ข่า ขึ้นฉ่าย เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง หอมหัวใหญ่ ต้นหอม มันฝรั่ง หัวไชเท้า ดอกแคขาว ผักกาดขาว หางหงส์ ขมิ้นขาว หัวปลี ถั่วงอก กุยช่ายขาว ยอดมะพร้าว งาขาว ลูกเดือย จมูกข้าวสาลี มะละกอดิบ เห็ดสีขาว มะเขือเปราะ เซเลอรี่ (ขึ้นฉ่ายฝรั่ง) เห็ด แครอทสีขาว หน่อไม้ฝรั่งสีขาว ฟักทองญี่ปุนสีขาว ฯลฯ

ส่วนผลไม้ที่มีสีขาว เช่น

แอปเปิ้ล สาลี่ มันแกว ฝรั่ง เนื้อมังคุด แก้วมังกร เงาะ ลิ้นจี่ กระท้อน พุทรา แก้วมังกร  ลำไย กล้วย เป็นต้น

ควรรับประทานผักให้ครบทุกกลุ่มโดยใช้สีของผักเป็นตัวช่วย  เพราะผักแต่ละชนิดแต่ละสีมีประโยชน์ต่อร่างกายต่างกัน ประกอบด้วยสีเขียว ม่วง ฟ้า เหลือง ส้ม แดง และขาว

ประโยชน์จากผักผลไม้สีขาว

ผักผลไม้สีขาว อุดมไปด้วย

- สารอัลลิซิน (Allicin)
- อะโจอีน (Ajoene) และ
- เอสอะลีนวิติน (S-allylcysteine) ช่วยรักษาระดับคอเรสตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และยังมี
- วิตามินซี สารเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันหวัด อีกทั้งด้านการแข็งตัวของเลือดและต้านจุลินทรีย์ เช่น

แอปเปิ้ล ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสียหายของเซลล์และอวัยวะในร่างกาย

ขิงและข่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยดูแลความดันเลือด และป้องกันโรคหัวใจหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น

ผักสีขาวและน้ำตาล

ผักสีขาวและน้ำตาล ให้สารพวกอัลลิซิน สารชนิดนี้ พบมากในกระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใช้เพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหาร ช่วยให้หัวใจดี รักษาระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม รักษาอาการแน่นจุกเสียด ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แม้เราจะรู้ว่าสารอัลลิซิน มีมากในกระเทียม แต่สารชนิดนี้สลายไปได้ง่าย แม้เพียงแค่สับกระเทียมทิ้งไว้ จึงต้องรับประทานกันสดๆจริงๆ ผักผลไม้ในกลุ่มสีขาวนี้ ยังได้แก่ หัวหอม ดอกแค ถั่วงอก เห็ด เงาะ ฝรั่ง ลิ้นจี่ กระท้อน มังคุด น้อยหน่า แห้ว งา ลูกเดือย

Tips for Healthy Meal

ถึงจะทราบกันแล้วว่า ผักผลไม้ดีกับสุขภาพ แต่หลายคนยังไม่ค่อยทานผักผลไม้กันเท่าไหร่ จึงมีเทคนิคมาแนะนำ ช่วยให้คุณเพิ่มปริมาณการกินผักผลไม้ในแต่ละวัน

เพิ่มผักในทุกเมนูหรือจะเพิ่มเมนูอุดมผัก เมนูไทย ๆ ประเภทผัดไท ผัดเปรี้ยวหวาน ขนมจีนน้ำยา แกงส้มผักรวม สารพัดน้ำพริกผักจิ้ม เมนูอาหารปักษ์ใต้ก็เป็นเมนูอุดมผัก หรือจะเปลี่ยนไปชิมอาหารเวียดนามนอกบ้านบ้าง

เพิ่มการดื่มน้ำผลไม้ ตื่นเช้ามาดื่มน้ำผลไม้สดปลอดน้ำตาลสักแก้ว เพิ่มความสดชื่นได้ดี หากเป็นน้ำผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง ๆ ยิ่งเพิ่มความสดชื่นให้กับการทำงานของสมอง ควรแทนที่ชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลมที่ดื่มประจำด้วยน้ำผลไม้ และพยายามทำให้เป็นนิสัย

มื้อว่าง ของหวานเปลี่ยนจากเมนูแป้ง น้ำตาล ไขมันมาเป็นเมนูผลไม้ เช่น ผลไม้สด ๆ สับเปลี่ยนชนิดไป หรือโยเกิร์ตผสมผลไม้ เต้าฮวยฟรุตสลัด ผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน พรุทรา ก็ทำให้ได้รสชาติหวานสดชื่นได้เช่นกัน

White :

White fruits and vegetables derive their color from the phytochemicals called “anthoxanthins”.

Health benefits: Many white fruits and vegetables also contain the chemical allicin, which may help lower cholesterol and blood pressure as well as reduce the risk of stomach cancer and heart disease.

Other reasons to eat white fruits and veggies:

- Some members of the white group, such as bananas and potatoes, are also a good source of potassium, which is important for the healthy functioning of our heart, kidneys and other vital organs.

Examples: Bananas, cauliflower, garlic, ginger, jicama, mushrooms, onions, parsnips, potatoes, turnips.

Thanks Eng. info : Gentle World
http://gentleworld.org/phytochemicals-eating-from-the-rainbow/

ข้อมูลอ้างอิง

ประโยชน์จากผักผลไม้สีขาว wellnessthai.net
http://goo.gl/7xUgoW

ผักสีขาวและน้ำตาล thaigoodview.com
http://www.thaigoodview.com/node/157338

สารสีขาว-น้ำตาล lovefitt.com
http://goo.gl/mqDd5l

Tips ruksukaphab.com
http://www.ruksukaphab.com/articles/41988089/health/fruits_vegetables.html

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของฝรั่งเนื้อแดง Benefits of Red Guava

ฝรั่งเนื้อแดง (Red Guava)

ฝรั่งเนื้อแดง (Red Guava) อุดมไปด้วยไลโคพีน (Lycopene) สารไลโคพีน เป็นเม็ดสีแคโรทินอยด์สีแดงสด ชื่อนี้ได้มาจากชื่อของมะเขือเทศ และพบในพืชพวกมะเขือเทศ อีกทั้งผลไม้สีแดงอื่นๆ และขึ้นชื่อในเรื่องสารต้านอนุมูลอิสระประเภทแคโรทินอยด์ที่แรงมาก และมีความสามารถมากกว่าฤทธิ์ของวิตามินอี 100 เท่า และ 125 เท่าเมื่อเทียบกับกลูต้าไธโอน

ผักผลไม้สีแดงจึงมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในสารไลโคพีน จึงมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งที่มดลูก และปอด และป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากถึงร้อยละ 20 ผลไม้สีแดงยังอุดมไปด้วยวิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ มากมาย และเป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับวิตามินเอ บี ซี อี เค แร่ธาตุโพแตสเซียม และโบรอน

วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา

อีกทั้งยังเป็นส่วนผสมในตำรับยาที่ใช้ป้องกันอันตรายอันเกิดจากการผลิตอนุมูลอิสระที่ผิดปกติ และช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด ชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย และทำให้หลายภาวะผิดปกติของเซลล์ดีขึ้น เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน กระดูกพรุน และภาวะการเป็นหมันชาย และยังช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ได้อีกด้วย

Guava is rich in fiber and low in calories. Vitamins and minerals also acts as an antioxidant for the body.

Guava has many vitamins and minerals essential for the body. Amount of nutrients depending on the size of the fruit. Here are the health benefits of red guava.

Fiber

Dietary fiber is essential for healthy digestion, normalize blood sugar levels and increase feelings of fullness.

Vitamin A

Vitamin A is an essential nutrient that helps improve the health of the eyes, skin, teeth and bone tissue. Vitamin A also acts as an antioxidant, which reduces cell damage caused by free radicals.

Carotenoids

Guavas are also rich in carotenoids – compounds which have been shown to promote eye health and also prevent oxidation. Oxidation is damage to the body that occurs due to exposure from sources of blue and ultra violet light. It can potentially damage DNA in cells and cause them to mutate and become cancerous. It can also cause damage to sensitive organs like the eyes and trigger degenerative conditions.

ข้อมูลอ้างอิง

- Carotenoids FROM : SUPER HUMAN FOODShttp://superhumanfoods.org/...
- Fiber and Vitamin A From Financial Services
http://www.rsmricher.com/?p=1291
- สารไลโคพีน และ วิตามินเอ : นานาสาระ เรื่อง ประโยชน์จากผักผลไม้สีแดง
http://tiksmoor.blogspot.com/2013/06/blog-post_4449.html

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สาลี่ผลไม้เพื่อสุขภาพ Health Benefits of Asian Pears

สาลี่ผลไม้เพื่อสุขภาพ 
Health Benefits of Asian Pears

สาลี่ ภาษาอังกฤษ Asian pear, Chinese pear, Nashi pear, Korean pear, Japanese pear, Taiwan pear, Sand pear มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pyrus pyrifolia (Burm.) Nak. เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในวงศ์ Rosaceae โดยมีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันตกของจีน

ลักษณะของต้นสาลี่ เป็นไม้ยืนต้น ทรงคล้ายพีระมิด ส่วนลักษณะของดอกมีสีขาวออกเป็นช่อ และลักษณะของผลสาลี่ หรือลูกสาลี่ มีลักษณะคล้ายผลแอปเปิ้ล มีหลายสี ตั้งแต่สีเหลือง เขียว แดงอมส้มและน้ำตาล โดยเนื้อสาลี่จะมีลักษณะกรอบและฉ่ำน้ำ (แต่บางสายพันธุ์จะเป็นเนื้อทราย) มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อมีกลิ่นหอม มีเมล็ดขนาดเล็กลักษณะแบนรีสีดำหรือสีน้ำตาลออกดำ

สาลี่ / Asian Pear

- สาลี่มีฤทธิ์เย็น รสหวานหอม จึงใช้รักษาผู้ที่มีอาการร้อนใน
- สาลี่มีน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ จึงช่วยให้สดชื่น ชุ่มคอ แก้กระหาย - สาลี่มีธาตุอาหารมากมาย เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา ตาบอดกลางคืน และช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ทั้งยังมี วิตามินเค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และเส้นใยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน  กระตุ้นภูมิคุ้มกันแก้อาการท้องผูก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและความชรา
- ช่วยให้กระเพาะทำงานได้ดี ช่วยย่อย ขับปัสสาวะ กระตุ้นการทำงานของไต และลดความดันโลหิต

ข้อมูลเพิ่มเติม : 

วิตามินซี
มีการพบวิตามินซีความเข้มข้นสูงในเนื้อเยื่อของตา การขาดวิตามินซี สามารถก่อให้เกิดปัญหามากมายต่อดวงตา รวมทั้งการเกิดเลือดออกในเปลือกตาและเยื่อบุลูกตา

ในการวิจัย เช่น การศึกษาเรื่องโรคของดวงตาที่สัมพันธ์กับอายุ (AREDS – Age-related eye disease study) ได้เปิดเผยว่าการใช้อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งรวมถึงวิตามินซีนั้นให้ผลดีต่อสุขภาพตา
แหล่งอาหาร : แบล็คเคอร์เรนท์ สตรอเบอร์รี พริก และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

Vitamin C
Vitamin C is found in high concentrations in the tissues of the eye. Deficiencies can result in numerous eye problems, including bleeding in the lids and conjunctiva.

Trials such as the age-related eye disease study (AREDS) reveal positive eye health outcomes when using supplemental antioxidants including vitamin C.

FOOD SOURCES: blackcurrants, strawberries, capsicum and citrus fruits

วิตามินเอ
วิตามินเอ เป็นคำทั่วไปที่ใช้เรียกสารที่เกี่ยวข้องโดยรวมๆ ซึ่งสารเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
(1) สารก่อรูปวิตามินเอ พบได้เฉพาะในอาหารที่มาจากสัตว์ ตัวอย่างเช่น เรตินอล
(2) โปรวิตามินเอ (แคโรทีนอยด์) พบมากในอาหารจำพวกที่มาจากพืช ตัวอย่างของเหล่านี้รวมถึงเบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน
สารก่อรูปวิตามินเอ อาจช่วยป้องกันเยื่อบุจอรับภาพในตาจากการทำลายโดยอนุมูลอิสระ และเป็นที่ทราบกันว่าสารนี้ยังมีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหายจากกระบวนการนี้
การขาดวิตามินเอ เกี่ยวข้องกับโรคตาบอดกลางคืน และเป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในเด็กชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแท้จริงนั้นป้องกันได้

มีการพบแคโรทีนอยด์ ลูทีน และซีแซนทีนความเข้มข้นสูงในบริเวณจอประสาทตา (เรตินา) รวมทั้งบริเวณจุดกลางของจอรับภาพ (มาคิวลา) สารเหล่านี้ที่อยู่ในมาคิวลาช่วยดูดซับแสงสีฟ้าไว้ ซึ่งเชื่อกันว่าการทำลายตาโดยสารอนุมูลอิสระแบบที่เกี่ยวข้องกับแสงนี้มีบทบาทต่อการเสื่อมของตาไปตามอายุ และการได้รับอาหารที่มีลูทีน และซีแซนทีนในปริมาณสูงนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมเหล่านี้

แหล่งอาหาร : วิตามินเอพบในตับ ผลิตภัณฑ์นม และไข่ ส่วนลูทีนและซีแซนทีนนั้นพบในอาหาร เช่น ผักขม ผักคะน้าจีน (Kale) ผักคะน้าฝรั่ง (Collard) และบร็อคโคลี

คำแนะนำ
แคโรทีนอยด์จะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดเมื่อได้รับพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรับประทานสลัดที่ใส่แครอท ผักขม และฟักทอง ควรราดด้วยน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก เป็นต้น

Vitamin A
Vitamin A is the generic term used to encompass a range of related compounds. These compounds can be divided into two key groups:

(1) Preformed vitamin A (retinoids), which are found only in foods of animal origin. An example is retinol.
(2) Provitamin A (carotenoids), found predominantly in food sources of plant origin. Examples of these include betacarotene, lutein and zeaxanthin

Preformed vitamin A may protect the photoreceptor membranes in the eye against oxidative damage and is known to have a role in the repair of cells that have been injured by this process.
Vitamin A deficiency is associated with night blindness and is the primary cause of preventable blindness in South-East Asian children .

The carotenoids lutein and zeaxanthin are found in high concentrations in the retina of the eye, including the macula. In the macula, these function to absorb blue light. Light- associated oxidative damage is believed to play a role in the development of age-related eye conditions, and high dietary intakes of lutein and zeaxanthin are linked to a lower risk of these.

FOOD SOURCES: Vitamin A is found in liver, dairy products and eggs; lutein and zeaxanthin are found in foods such as spinach, kale, collards and broccoli.

Quick fact
Carotenoids are best absorbed when taken with dietary fats. If you're eating a salad with carrots, spinach, and pumpkin for example, have it with a dressing containing oil eg. olive oil.
Thanks information from : Blackmores Thailand
http://goo.gl/RKc6kq


WHAT ARE THE BENEFITS OF ASIAN PEARS?

The Asian pear, also called Japanese pear or Nashi, is a small, round yellow fruit that may look more like an apple upon first glance. Once you bite into an Asian pear, you'll recognize the sweet pear taste you expect from other pears. Asian pears are as nutritious as they are tasty; their nutrients can contribute to your health in several ways.

Eye Health

Asian pears are rich in vitamin C, delivering approximately 80 percent of your daily needs. The Linus Pauling Institute recommends that adults consume 75mg of vitamin C daily, with smokers and pregnant women needing to increase this to 80 to 110 mg. Vitamin C is an antioxidant that can maintain your eye health, preventing a condition called cataracts that can potentially rob you of your sight. The World's Healthiest Foods explains that pears and other vitamin C-rich fruits can reduce your risk of age-related macular degeneration, or AMD, another eye disease that can destroy your vision.
Thanks information from : livestrong
http://goo.gl/nauOdN

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Vitamin A , Vitamin C : Blackmores Thailand
http://www.blackmores.co.th/learning-centre/articles/bright-eyes-how-to-eat-for-better-eye-health

Asian Pears : livestrong
http://www.livestrong.com/article/262437-what-are-the-benefits-of-asian-pears/#ixzz2h7pbrE89

สาลี่ (ผลไม้) จาก : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://goo.gl/nea5IR

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้ม Orange-Yellow Fruits and Vegetables

ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้ม 
Orange-Yellow Fruits and Vegetables

          เมื่อกล่าวถึงผักผลไม้ที่มีสีส้ม เรามักจะนึกถึงแครอทเป็นอย่างแรก และเนื่องจากแครอทเป็นพระเอกของผักผลไม้สีส้ม ชื่อสารสำคัญที่มีสีส้มจึงไปพ้องกับชื่อของแครอท นั่นก็คือ แคโรทีนอยด์

          แคโรทีนอยด์เป็นเม็ดสีสีส้มที่พบในพืช เป็นเม็ดสีที่ไม่ละลายในน้ำ (แต่ละลายได้ดีในไขมัน) แคโรทีนอยด์เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) และมีโครงสร้างทางเคมีที่มีขนาดใหญ่ เมื่อเรารับประทานเข้าไปในร่างกาย ตับเราจะทำหน้าที่เปลี่ยนโมเลกุลดังกล่าวให้กลายเป็นวิตามินเอ หลังจากนั้นกระบวนการเมตาบอลิซึ่มของเซลล์ในร่างกายจะเปลี่ยนวิตามินเอ ให้กลายเป็น เรตินอล และเรติโนอิกแอซิด ซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดเล็กลงจนร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้

          แคโรทีนอยด์ หรือ โปรวิตามินเอ อาจแบ่งย่อยตามโครงสร้างทางเคมีออกได้เป็น เบต้าแคโรทีน แอลฟ่าแคโรทีน หรือเบต้าคริปโทแซนทีน ซึ่งสารเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้หมด แต่ก็ยังมีสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบมากในพืช เช่น ไลโคพีน (ที่พบในมะเขือเทศ) หรือ ลูทีน ที่ไม่สามารถจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นวิตามินเอเมื่อรับประทานสดๆ ได้

ประโยชน์ของวิตามินเอและแคโรทีนอยด์ 

          วิตามินเอมีบทบาทสำคัญในการมองเห็น กล่าวคือวิตามินเอ เป็นองค์ประกอบสำคัญของโรดอปซิน (Rhodopsin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่อยู่ที่จุดรับแสงเรตินาในดวงตา ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของเยื่อบุตา และกระจกตา 

          นอกจากนี้วิตามินเอ ยังช่วยให้การเจริญเติบโตและการแบ่งตัวของเซลล์หัวใจ ปอด ไต และอวัยวะอื่นๆ เป็นไปอย่างปกติ ปริมาณวิตามินเอที่รับประทานได้ในแต่ละวัน (Recommended Dietary Allowances : RDAs for Vitamin A )สำหรับคนแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันไป และมีหน่วยเป็น ไมโครกรัม-อาร์เออี (RAE) ซึ่งขออนุญาตอธิบายสั้นๆ ว่าเป็นปริมาณที่เทียบได้กับวิตามินเอ (Retinol Activity Equivalents) ซึ่งเป็นหน่วยวัดปริมาณที่ตั้งขึ้นมาให้เป็นสากล แต่ตามฉลากของผลิตภัณฑ์ของวิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน ยังคงใช้หน่วยเป็นยูนิต (IU) ซึ่งสามารถคำนวณเทียบเป็น RAE ได้ดังนี้คือ

          1 IU ของเรตินอล เท่ากับ 0.3 mcg RAE
          1 IU ของเบต้าแคโรทีนในแบบขวดสำเร็จรูปวางขายตามท้องตลาด เท่ากับ 0.15 mcg RAE
          1 IU ของเบต้าแคโรทีนจากอาหาร เท่ากับ 0.05 mcg RAE
          1 IU ของแอลฟ่าแคโรทีน หรือ เบต้าคริปโทแซนทีน เท่ากับ 0.025 mcg RAE

แหล่งของวิตามินเอและแคโรทีนอยด์ตามธรรมชาติ

          ส่วนใหญ่จะอยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือสีเหลือง ได้แก่ แครอท มะละกอ ฟักทอง มะม่วง ส้ม ขนุน แคนตาลูป มันเทศ ลูกพลับ ทุเรียน เสาวรส ส่วนสารเบต้าแคโรทีนยังพบได้ในผักผลไม้สีเข้มแทบทุกชนิด เช่น พริกแดง มะเขือเทศ ตำลึง ฯลฯ ซึ่งเราสามารถกินทดแทนกันได้ แต่อาจจะได้รับสารเบต้าแคโรทีนไม่มากเท่าพืชผักในเฉดสีส้มเท่านั้นเอง

          การรับประทานเบต้าแคโรทีนนั้น หากต้องการรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ป้องกันความเสื่อมถอยของร่างกาย เราควรรับประทานในรูปอาหาร แต่หากต้องการรับประทานเพื่อการรักษาภาวะความเสื่อมที่เป็นอยู่ ก็สามารถเลือกรับประทานในรูปแบบอาหารเสริมได้ โดยควรให้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

          อย่างไรก็ตามการบริโภคแคโรทีนอยด์หรือเบต้าแคโรทีนในรูปแบบของอาหารเสริมมากเกินไปอาจเป็นเกิดผลเสียมากกว่าผลดี ในขณะที่การรับประทานอาหารที่มีสารกลุ่มนี้ในแบบธรรมชาติ โอกาสที่ร่างกายเราจะได้รับสารนี้มากเกินไปก็จะเกิดได้ยาก เพราะเราจะอิ่มก่อนได้รับปริมาณมากเกินไป

         บางคนอาจสงสัยว่าแล้วถ้าหากเราได้รับวิตามินเอ แคโรทีนอยด์ หรือเบต้าแคโรทีนมากเกินไป จะเกิดพิษต่อร่างกายหรือไม่ 

         คำตอบคือ ถ้าเราได้รับปริมาณมากเกินไป (โดยเฉพาะได้จากวิตามินแบบเม็ดสำเร็จรูป) ก็อาจเกิดอาการพิษได้ ซึ่งเราควรไปพบแพทย์เมื่อเกิดความผิดปกติ

         แต่ก็มีอาการบางอย่างที่เราสามารถสังเกตได้เอง ได้แก่ สีผิวปกติของเราอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือ ถ่ายเหลว หรือ มีจ้ำเลือดตามตัว หรือ ปวดข้อ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเมื่อได้รับวิตามินหรือสารกลุ่มนี้มากเกินไป แต่อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองเมื่อเราหยุดรับประทานไประยะหนึ่ง

ที่มา : สารเคมีที่มีประโยชน์จากผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้ม
ภญ.ดร.นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=155

เอกสารอ้างอิง

Ross CA. Vitamin A. In: Coates PM, Betz JM, Blackman MR, et al., eds. Encyclopedia of Dietary Supplements. 2nd ed. London and New York: Informa Healthcare; 2010:778-91.
Ross A. Vitamin A and Carotenoids. In: Shils M, Shike M, Ross A, Caballero B, Cousins R, eds. Modern Nutrition in Health and Disease. 10th ed. Baltimore, MD: Lippincott Williams & Wilkins; 2006:351-75.
Solomons NW. Vitamin A. In: Bowman B, Russell R, eds. Present Knowledge in Nutrition. 9th ed. Washington, DC: International Life Sciences Institute; 2006:157-83.
U.S. Department of Agriculture, Agricultural Research Service. USDA National Nutrient Database for Standard Reference, Release 24. Nutrient Data Laboratory Home Page, 2011.

ข้อมูลเพิ่มเติม :St. Mary's Health System
http://www.stmarysmaineblog.com/tag/fruits

Yellow/Orange

The colors of the blazing sun are a must have in your daily diet. Yellow and orange vegetables and fruits contain beta-carotene (which turns into vitamin A), vitamin C, vitamin E, folate (a B vitamin), and bioflavonoids. Research shows that these nutrients reduce the risk for cancer and heart attacks, boost immunity, help maintain good vision, and strong bones/teeth/skin.

ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพ ด้วยผักผลไม้หลากสี ( Phytonutrients) Information for health care. With colorful fruits and vegetables

ข้อมูลเพื่อการดูแลสุขภาพ ด้วยผักผลไม้หลากสี 
( Phytonutrients)
Information for health care . 
With colorful fruits and vegetables. 

วิถีชีวิตในสังคมปัจจุบัน เราต้องยอมรับความจริงว่า อาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ เรามักไม่ค่อยได้คำนึงถึงการคัดเลือกคุณค่าและปริมาณของอาหารที่เหมาะสมมากนัก รวมถึงการไม่มีเวลาสำหรับการออกกำลังกาย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การมีความเครียดท่ามกลางสภาวะแวดล้อม และมลภาวะรอบตัว ล้วนแล้วแต่เป็นตัวนำพาโรคร้ายมาสู่ตัวเราทั้งสิ้น

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พบว่า 28% ของคนไทยไม่นิยมรับประทานผักและผลไม้ (ไม่รับประทานเลยหรือรับประทานน้อยกว่า 5 วัน/สัปดาห์) ซึ่งคิดเป็นจำนวนถึง 16.74 ล้านคน อาจเป็นเพราะไม่มีเวลา ไม่ชอบ เลือกไม่ได้ หรือการสูญเสียสารอาหารของผักและผลไม้ในระหว่างการขนส่ง การปรุงเป็นอาหาร

ทำให้คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่ไม่ได้รับสารอาหารจากผักและผลไม้ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน เพื่อช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสื่อมของเซลล์ และเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง มะเร็งได้ง่ายขึ้น และกรณีที่เป็นโรคเรื้อรังดังกล่าวอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจและสมองได้เร็วขึ้น

จากวิถีชีวิตและพฤติกรรมการบริโภคดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันคนเราเผชิญกับปัญหาสุขภาพการเป็นโรคเรื้อรังมากขึ้นในช่วงอายุที่น้อยลง ปัจจุบันในทางการแพทย์พบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อวัยวะและร่างกายเสื่อมสภาพเกิดจากอนุมูลอิสระ แต่ยังโชคดีที่เราสามารถต่อสู้กับอนุมูลอิสระได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารโดยเฉพาะกลุ่มผักและผลไม้

จากการศึกษาค้นคว้า และผลการวิจัยจากแหล่งต่างๆ ในหลายประเทศ เห็นตรงกันว่า พืชผักจำนวนมาก มีสารอาหารที่สามารถนำมาใช้ในการดูแลสุขภาพของคนเราได้ โดยภายใต้สีสันอันสวยงามของพืชผักและผลไม้นานาชนิดนั้น มีกลุ่มสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย

หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือกลุ่มสารแคโรทีนอยด์ (carotenoids) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่เป็นตัวกำหนดสีของพืชนั่นเอง กลุ่มสารเหล่านี้ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคร้าย อย่างโรคมะเร็งและโรคหัวใจซึ่งกำลังเป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลก ดังนั้นถ้ากินผักและผลไม้ให้หลากหลาย เราก็จะได้รับสารอาหารที่หลากหลาย ที่สามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์ และป้องกันไม่ให้เกิดโรคเรื้อรังด้วย

สีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง

องุ่นแดง, สตรอเบอรี่, แอปเปิ้ล, เชอรี่, แบรคเคอเรนท์, ราสเบอรี่, แครนเบอรี่, บิลเบอรี่, เบอรี่, เอลเดอเบอรี่

ต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิด โรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมอง ชะลอความเสื่อมของดวงตา และยังช่วยยับยั้งเชื้อ อีโคไลในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วงและอาหารเป็นพิษด้วย

สีเขียว

แตงกวา, หน่อไม้ฝรั่ง, กะหล่ำปลี, ส้ม, แอปเปิ้ล, ชาเขียว, บร็อคโคลี, องุ่นขาว

ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกและโรคศูนย์จอตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ช่วยประตุ้นการทำงานของตับให้สร้างเอนไซม์ออกมาใช้ในการต้านมะเร็ง ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งที่มดลูกและที่เต้านมที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนเอสโตรเจนส่วนเกิน นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม และซีลีเนียม ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงานของร่างกาย

สีขาว

กระเทียม, หัวหอม, แอปเปิ้ล, จมูกข้าวสาลี

มีฤทธิ์ต้านการเกิดเนื้องอก ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและลดการต้านยาในเซลล์มะเร็ง มีคุณสมบัติดูดจับโมเลกุลของโลหะ ลดโคเลสเตอรอล ลดไขมันและปริมาณน้ำตาลในเลือด

สีเหลืองส้ม

แครอท, มะละกอ, ส้ม, สับปะรด, ขมิ้นชัน, มะเขือเทศ, แอพริคอต, เกรปฟรุ๊ต,

ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ บำรุงรักษาตับ ลดระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันสมองเสื่อม ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือด ช่วยบำรุงสายตา ทำให้มองเห็นในที่มืดได้ดี ลดความเสี่ยง ต่อการเป็นโรคต้อกระจก ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้ดี

สีแดง

มะเขือเทศ, มะละกอ, เชอรี่, สตรอเบอรี่, เมล็ดทับทิม, บิลเบอร์รี่, เบอร์รี่, เอลเดอเบอร์รี่

ต้านอนุมูลอิสระ ลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ผิวหนัง และช่วยลดปริมาณไขมันตัวร้ายในเลือด

นอกจากผักและผลไม้ที่หลากหลายและครบถ้วนแล้ว การได้รับวิตามินที่จำเป็นสำหรับร่างกายให้เพียงพอกับความต้องการในแต่ละวัน ก็จะช่วยให้กระบวนการทำงานของร่างกายเป็นไปโดยสมบูรณ์ยิ่งขึ้น วิตามินที่ร่างกายควรได้รับได้แก่ วิตามินเอ , บี 1, บี2, บี6, บี12, วิตามินซี, วิตามินดี 3, วิตามินอี, วิตามินเค, ไบโอติน, กรดโฟลิก, ไนอะซิน, และกรดแพนโทธีนิก

ขอบคุณบทความจาก MEGA We care
ขอบคุณาพประกอบจาก google

Reference :

นิตยสาร "หมอชาวบ้าน" (สิงหาคม ๒๕๔๘)
นิตยสาร"สรรสาระ" (ตุลาคม ๒๕๔๕ )
นิตยสาร "HEALTH & CUISINE" (๒๕๔๖)
รายงานสรุปการพัฒนาสมุนไพรไทย ขมิ้นชันด้วยนาโนเทคโนโลยี โดยสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัช กรรม
ศัลยา คงสมบูรณ์เวช กินป้องกันโรค : 135
การสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหาร สำนักงานสถิติแห่งชาติ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร : www.nso.co.th
D. W.Choi, J. Y. Kim, S. H. Choi, H. S. Jung, H. J. Kim, S. Y. Cho, C. S. Kang and S. Y. Chang, Food Chemistry 2006 ; 96(4):562-571
A. Malik, F. Afaq, S. Sarfaraz, V.M. Adhami, D.N. Syed and H. Mukhtar, The Journal of Urology 2006;175(3):1171
M.Maskan, Journal of Food Engineering 2006;72(3):218-224
L. Simin et al, Fruit and vegetable intake and risk of cardiovascular disease:the Women’s Health Study. Am J Clin Nutr 2000;72:922–8

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินเพื่อบำรุงสายตาที่ดี Eat for Good Vision

กินเพื่อบำรุงสายตาที่ดี 
Eat for Good Vision

เวลาไปตรวจตา ผู้ป่วยบางคนได้วิตามินบำรุงสายตากลับบ้านไป บางคนไม่ได้ อายุก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ทำไมถึงได้ยาไม่เหมือนกัน แล้วเมื่อไรคุณหมอจะสั่งวิตามินบำรุงสายตา คำถามเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในใจหลายๆ คน มาดูกันว่าใครที่สมควรได้วิตามินบำรุงสายตาบ้าง

ผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าการให้วิตามิน C, E เบต้าแคโรทีน, ธาตุสังกะสี, และธาตุทองแดง มีประโยชน์ในการชะลอการเสื่อมมากขึ้นของผู้ป่วยที่เป็น โรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป (Moderate Age-Related Macular Degeneration)

ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีโรคจอประสาทตาเสื่อมเพียงเล็กน้อยอาจไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนักจากการรับประทานวิตามินดังกล่าว จักษุแพทย์จะเป็นผู้ประเมินระดับความเสื่อมของจอประสาทตาจากการขยายม่านตา (Iris)

ดังนั้นถ้ามาตรวจตาแล้วไม่ได้วิตามินกลับไปรับประทาน นั่นแสดงว่าจอประสาทตา (Retina) ยังมีสุขภาพดีอยู่หรือผิดปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเรามีวิธีการบำรุงสายตาโดยการทานอาหารเสริมได้หรือไม่? จากการวิจัยของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารดังต่อไปนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้

1. วิตามิน A – เป็นสารที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตาและมีบทบาทสำคัญในการมองเวลากลางคืน ซึ่งพบมากในผักจำพวก ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ฟักทอง

2. วิตามิน B – มีการศึกษาพบว่าวิตามิน B1 และ B12 อาจมีบทบาทในการชะลอการเกิดต้อกระจกได้ โดยแหล่งที่มีวิตามินชนิดนี้มาก ได้แก่ ตับ ไข่ เนื้อสัตว์ นมสด

3. วิตามิน C – เป็นที่รู้จักกันดีของการชะลอความแก่ของร่างกายด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) นอกจากนั้นยังอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย ผลไม้ที่มีวิตามิน C มาก ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม ส่วนผัก ได้แก่ กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่

4. วิตามิน E – ก็เป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา และจากการศึกษาพบว่าอาจมีบทบาทช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกเช่นเดียวกัน พบได้ใน น้ำมันธัญพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด ถั่วเหลือง

5. เบต้าแคโรทีน (betacarotene) – เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ซึ่งมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการมองเห็นในกลางคืนเช่นเดียวกับวิตามิน A พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น แครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ข้อควรระวังคือการรับประทานเบต้าแคโรทีนในรูปอาหารเสริมมากไปในคนที่สูบบุหรี่จะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดได้

6. ลูทีน และ ซีแซนทิน (lutein and zeaxanthin)เป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อม พบมากใน ผักโขม ไข่แดง ข้าวโพด บร็อคโคลี่

7. ซีลีเนียม (selenium) – เป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ต้านอนุมูลอิสระและอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก โดยพบได้ใน หอยนางรม หอยลาย ตับไก่ เมล็ดทานตะวัน

8. สังกะสี (zinc) – มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการทำให้จอประสาทตาเสื่อมที่เป็นอยู่แล้วเป็นช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสีได้แก่ หอยนางรม ตับ เนื้อสัตว์

9. สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) – นอกจากคุณสมบัติเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่สมองแล้วยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เกี่ยวกับสายตาพบว่าอาจช่วยรักษาลานสายตาผิดปกติในต้อหินบางชนิดได้

10. โอเมก้า 3 (omega-3) – เป็นกรดไขมันที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ซึ่งพบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ผลไม้ที่พบได้เช่น ผลกีวี่ จะเห็นได้ว่าอาหารที่มีคุณสมบัติบำรุงสายตานั้นมีอยู่รอบๆ ตัวเรา หลายชนิดที่สามารถปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้ ดังนั้นคุณก็สามารถถนอมสายตาและมีสุขภาพดีได้โดยไม่ต้องใช้ยาบำรุงใดๆ เลย

ขอบพระคุณบทความโดย: พ.ญ.ปรียทรรศน์ ศุขโรจน์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ผักผลไม้อาหารมีประโยชน์ต่อร่างกาย

ปลาแซลมอน เนื้อปลาแซลมอนนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ที่สามารถช่วยปกป้องจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของโรคตา และยังสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้อีกด้วย

ผักคะน้า คะน้ามีลูทีน และ ซีแซนทีน ที่ช่วยบำรุงสายตาสูง รับประทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการเสี่ยงของการเกิด โรคต้อกระจก ได้ถึง 20 % โรคกระจกตาเสื่อม (AMD) มะเร็งเต้านมและโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย

ผักเคล/กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม เคล กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม ผักขม หัวผักกาดเขียวและบล็อคโครี่นั้น มีคุณประโยชน์คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส มีเบต้าแคโรทีน และยังช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็ง มีแคลเซียม วิตามินซี และเส้นใยอาหารสามารถป้องกันโลหิตจางได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม webmd
http://www.webmd.com/eye-health/good-eyesight

Maintaining Good Eye Health

Don't take your eye health for granted. Protect your eyesight with these six tips:

1. Eat for Good Vision

Protecting your eyes starts with the food on your plate. Studies have shown that nutrients such as omega-3 fatty acids, lutein, zinc, and vitamins C and E may help ward off age-related vision problems such as macular degeneration and cataracts. Regularly eating these foods can help lead to good eye health:

- Green, leafy vegetables such as spinach, kale, and collards
- Salmon, tuna, and other oily fish
- Eggs, nuts, beans, and other non-meat protein sources
- Oranges and other citrus fruits or juices

Eating a well-balanced diet also helps you maintain a healthy weight, which makes you less likely to get obesity-related diseases such as type 2 diabetes. Diabetes is the leading cause of blindness in adults.

ประโยชน์ของมะเขือม่วง Health Benefits of Eggplant

ประโยชน์ของมะเขือม่วง (Eggplant)

มะเขือม่วง (eggplant) อยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE) มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Solanum melongena L. เป็นผัก (vegetable) ส่วนที่ใช้บริโภคคือ ผลที่มีรูปร่างกลมยาว สีม่วงคล้ำ ผิวเปลือกจะเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ตรงขั้วผลก็จะมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่

มะเขือม่วง มีสารแอนโธไซยานิน (anthocyanin) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจอัมพาต

แอนโทไซยานิน (anthocyanin)

          แอนโทไซยานิน (anthocyanin) เป็นรงควัตถุที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ให้สีม่วงแดงในผักเพียงไม่กี่ชนิด เช่น กะหล่ำปลีม่วง มะเขือยาวม่วง และบีทรูท สภาพความเป็นกรดด่างมีผลอย่างมากต่อสีของแอนโทไซยานิน ในสภาพความเป็นกรดแอนโทไซยานินจะให้สีแดงสด ในขณะที่สภาพความเป็นด่างจะเป็นเป็นสีน้ำเงิน หรือเขียวน้ำเงิน

ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) 

          ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เป็นกลุ่มสารสีที่ทำให้พืชมีสีที่หลากหลายขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางเคมีของสาร เช่น อาจจะมีสีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง หรือให้สีอ่อนมาก โดยสามารถศึกษาตัวอย่างโครงสร้างของสารกลุ่มนี้ได้ใน http://buff.ly/19YgF98

ขอบคุณข้อมูลจาก : สสวท./มูลนิธิหมอชาวบ้าน/greenerald/LASIKLaserVisionThai
ขอบคุณภาพประกอบจาก tasty-dishes

ข้อมูลเพิ่มเติม : Health Food Nutrition
http://buff.ly/19Yehir

Benefits of Eating Eggplant for Health | Vegetables

Eggplant Benefits for Health | Eggplant purple rich health benefits. The fruit that comes from India which grows wild, starting first cultivated in China. Eggplant is a good source of fiber, source of Vitamin B and minerals such as magnesium and manganese. Color purple eggplant contains a substance called Anthocyanin. Anthocyanins can prevent high blood pressure, hepatosis (disease due to deficiency of vitamin E or selenium), and enhance vision at night.

ผักผลไม้ที่มีสีม่วงแดง ม่วง และสีน้ำเงิน Red Purple , Purple and Blue Fruits and Vegetables

ผักผลไม้ที่มีสีม่วงแดง ม่วง และสีน้ำเงิน 
Red Purple , Purple and Blue Fruits and Vegetables

          สีม่วงแดง ในผักผลไม้กลุ่มสีนี้มีสารแอนโทไซยานิน ช่วยปกป้องผักผลไม้จากการทำลายของรังสีอัลตร้าไวโอเลต เลยทำให้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด ช่วยชะลอการเกิดการอุดตันในเส้นเลือด และโรคหลอดเลือดหัวใจแข็งตัว

          ผักผลไม้สีน้ำเงิน ม่วง มีสารแอนโธไซยานิน (anthocyanin) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และดวงตา ได้แก่ กะหล่ำปลีม่วง หอมแดง ดอกอัญชัน เผือก มะเขือม่วง ข้าวเหนียวดำ ข้าวแดง มันสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว องุ่นม่วง ลูกพรุน ถั่วดำ/แดง ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น องุ่นแดง บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ฯลฯ

ผักผลไม้ที่มีสีม่วงและสีน้ำเงิน

          ผักผลไม้ในกลุ่มนี้จะมีสารสำคัญที่ชื่อว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ละลายน้ำได้ เป็นสารให้สีตามธรรมชาติที่จัดอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ สีของแอนโทไซยานินจะเปลี่ยนไปตามสภาวะความเป็นกรด-ด่าง เป็นสารที่ให้สีตั้งแต่สีน้ำเงินเข้มหรืออาจไม่มีสีเลยเมื่อในอยู่สภาวะด่าง (pH>7) จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเมื่ออยู่ในสภาวะที่เป็นกลาง (pH=7) และจะเปลี่ยนเป็นสีแดงถึงแดงเข้มได้ในสภาวะเป็นกรด (pH<7) สารในกลุ่มแอนโทไซยานิน ที่อยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่มีอยู่ 6 ชนิดที่พบบ่อย ได้แก่ เพลาโกนิดิน (pelargonidin), ไซยานิดิน (cyanidin), เดลฟินิดิน (delphinidin), พีโอนิดิน (peonidin), เพทูนิดิน (petunidin) และ มาลวิดิน (malvidin)

ประโยชน์ของแอนโทไซยานิน

- ช่วยต้านอนุมูลอิสระ มีการวิจัยพบว่าแอนโทไซยานินมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซีและอีถึง 2 เท่า
- ลดอาการอักเสบ
- ช่วยปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดได้
- ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- ป้องกันมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้และตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาวและ มะเร็งของระบบสืบพันธุ์
- ยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหารที่ทำให้เกิดท้องเสีย
- ต้านไวรัสได้

          ผักผลไม้ที่มีสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ที่มีแอนโทไซยานินสูง ได้แก่ กะหล่ำปลีม่วง มันสีม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดง ลูกหว้า ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดง ถั่วดำ หอมแดง ดอกอัญชัน น้ำว่าน-กาบหอย เผือก หอมหัวใหญ่สีม่วง มะเขือม่วง พริกแดง องุ่นแดง-ม่วง แอปเปิ้ลแดง ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด บลูเบอรี่ เชอรี่ แบล็กเบอรี่ ราสเบอรี่ สตรอเบอรี่ ฯลฯ

ที่มา : สารเคมีที่มีประโยชน์จากผักผลไม้ที่มีสีม่วงและสีน้ำเงิน
ภญ.ดร.นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=152

เอกสารอ้างอิง

Pascual-TeresaMaria S, Sanchez-Ballesta T. Anthocyanins: from plant to health. Phytochemistry Reviews. 2008; 7 (2): 281-299.
แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) สำนักหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มิถุนายน 2553

ข้อมูลเพิ่มเติม :St. Mary's Health System
http://www.stmarysmaineblog.com/tag/fruits

Blue/purple

Blues and purples not only add beautiful shades of tranquility and richness to your plate, they add health enhancing flavonoids, phytochemicals, and antioxidants, such as anthocyanins, vitamin C, folic acid, and polyphenols. These nutrients help your body defend against cancer, reduce the risk of age-related memory loss, help control high blood pressure, and reduce the risk of diabetes complications and heart attacks.

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หัวบีทรูทสีแดง เป็นหนึ่งในผักผลไม้ที่มีสีแดง Red beet root . Is one of the fruits and vegetables that are red

หัวบีทรูทสีแดง เป็นหนึ่งในผักผลไม้ที่มีสีแดง
Red beet root . Is one of the fruits and vegetables that are red

บีทรูท (Beetroot)

บีทรูท หรือ บีตรูต อ่านว่า บีท-รูท อย่าอ่านว่า บี-ทรูท (Beetroot, Garden Beet, Common Beet) หรือ ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Beta Vulgaris (L.) เป็นผักเพื่อสุขภาพประจำเมืองหนาวที่ปลูกกันมากทางภาคเหนือของบ้านเรา โดยมีต้นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน แถบยุโรป โดยมีรากหรือหัวพืชที่สะสมอาหารอยู่ใต้ดิน มีลักษณะทรงกลมป้อม เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร เนื้อด้านในอวบน้ำ มีสีแดงเลือดหมู ม่วงแดง และเหลือง

หัวบีทรูท (Beetroot) เต็มไปด้วยวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน วิตามินบีรวม ตลอดจนมีสารสีแดงในหัวที่มีชื่อว่า เบทานิน (Betanin) ซึ่งเป็น กรดอะมิโน เป็นตัวช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยลดการเติบโตของเนื้องอกได้ ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้ถึง400% จึงช่วยให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง  และยังทำให้เลือดลมและระบบการไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดีมากขึ้น

สำหรับคนทำงานที่ต้องใช้สายตามากๆ แนะนำให้ทาน แครอท บีทรูท หรือผักโขม จะช่วยบำรุงสายตาได้มาก เช่น ผักโขมให้พลังงานต่ำแต่มีวิตามินสูง ผักโขม 1 ถ้วย มีวิตามินเคและวิตามินเอสูงกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน มีแมงกานีสและโฟเลตเกือบเท่ากับปริมาณที่ร่างกายต้องการและมีแมกนีเซียมประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ขอบคุณภาพประกอบจาก trueplookpanya

TIPS 

สารเคมีที่มีประโยชน์จากผักผลไม้ที่มีสีแดง
ภญ.ดร.นิศารัตน์ ศิริวัฒนเมธานนท์ 
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ประโยชน์ของไลโคพีนในผักผลไม้สีแดง 

ไลโคพีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายโดยเฉพาะเซลล์ผิวหนังและช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก

ข้อมูลอ้างอิงจาก : บีทรูท
จากวิกิพีเดีย

บีทรูท หรือชื่ออื่นเช่น ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เป็นหัวพืชหรือรากที่สะสมอาหารที่อยู่ใต้ดิน เป็นพืชเมืองหนาวและเป็นผักเพื่อสุขภาพ มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด

คุณค่าทางโภชนาการของบีทรูท

ในรากของบีทรูท มีวิตามินเอ วิตามินบีรวม ซึ่งอุดมไปด้วยโฟเลตเป็นสารประกอบจากกรดโฟลิก เป็นวิตามินบีชนิดหนึ่งทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 มีโพแทสเซียม และวิตามินซีสูง ในยอดใบที่มีสีเขียวเข้ม มีสารบีตา-แคโรทีน ซึ่งมีแคลเซียม เหล็ก และโพแทสเซียมกับวิตามินเอสูง

ในบีทรูทสุก 100 กรัม ให้พลังงาน 27 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย โซเดียม 241 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรต 5.5 กรัม เส้นใย 2.9 กรัม น้ำตาล 0.6 กรัม โปรตีน 2.6 กรัม และโพแทสเซียม 909 มิลลิกรัม [4]

ในหัวบีทรูท มีสารสีแดง เรียกว่า เบทานิน (betanin) เป็นพวกกรดอะมิโน ช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็ง ลดการเติบโตของเนื้องอก ทำให้เลือดลมและการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

และสารสีม่วง เรียกว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) ในสภาพเป็นกลาง มีสีม่วง pH 7-8 สภาพเป็นเบส มีสีแดง pH > 11 และสภาพเป็นกรด มีสีน้ำเงิน pH < 3 ซึ่งแอนโทไซยานิน เป็นรงควัตถุที่ให้สีแดง ม่วง และน้ำเงิน มีสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและลดอาการอัมพาต

ข้อมูลเพิ่มเติม : Health benefits of Fruits
http://buff.ly/16HvUYW

Health benefits of beetroot

Prevents or even delays the formation of cataracts

Because of their higher vitamin A content, beets can easily sluggish or even totally avoid the development of cataracts, eye diseases that may impact a person’s vision as time passes. Your teeth, skin, and also mucus membranes will even significantly take advantage of a normal consumption of naturally-sourced vitamin A, as present in beets.

Macular degeneration

Macular degeneration is definitely a difficult medical problem through which one’s vision can become blurry, and eventually impaired, because of the deterioration of particular eye cells. Due to their previously mentioned beta-carotene content, however, beets might help avoid this eye condition.

ข้อแนะนำ

ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี

บทความที่ได้รับความนิยม