Vegetarianism and Health
เทศกาลถือศีลกินเจ ตามปฏิทินจีนกำหนดไว้ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ของทุกปี โดยในปี 2556 นี้ ตรงกับวันที่ 5-13 ต.ค. ปัจจุบันการกินเจกลายเป็นที่นิยมของคนยุคใหม่ เพราะนอกจากจะได้ทำบุญ ด้วยการงดเว้นเนื้อสัตว์และอบายมุขต่างๆ การกินเจยังช่วยให้สุขภาพดีด้วย แต่ต้องกินเจอย่างถูกต้องเหมาะสม
ข้อมูลจาก ดร.ชนิดา ปโชติการ นายกสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศ ไทย บอกว่า หากกินเจอย่างถูกต้องจะส่งผลดีต่อสุขภาพ เพราะการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ใช้โปรตีนจากถั่ว และอาหารธรรมชาติแทน จะช่วยให้กระเพาะอาหารได้พักจากภารกิจการย่อยเนื้อสัตว์ อาหารเจ ซึ่งเต็มไปด้วยผัก ผลไม้ ธัญพืช ล้วนให้คุณค่าสารอาหารที่ต่างกันออกไป หากเรารู้จักเลือกและผสมผสานวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้เหมาะสม ก็จะทำให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายและสมดุล
เห็ดที่นิยมนำมาปรุงอาหาร เช่น เห็ดออรินจิ เห็ดหอม เห็ดเข็มทอง เห็ดโคน เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู และสารพัดเห็ดต่างๆ ซึ่งล้วนแต่มีประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งสิ้น
- สีแดง-ส้ม จากมะเขือเทศ พริกสุก แครอท ช่วยลดคลอเลสเตอรอลส่วนเกิน ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ
- สีดำ-น้ำเงิน-ม่วง จากถั่วดำ เผือก มะเขือม่วง ช่วยในการบำรุงไต
- สีเหลือง จากฟักทอง ถั่วเหลือง มะม่วงสุก ข้าวโพด มีประโยชน์ในการบำรุงม้าม
- สีเขียว เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว ช่วยบำรุงตับ
- และสีขาว จากลูกเดือย ผักกาดขาว ช่วยบำรุงปอด ควรกินสลับกันไปและงดเว้นกระเทียม หัวหอม กุยช่าย หรือผักที่มี กลิ่นฉุน
ธัญพืชไม่ขัดสีและผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย แอปเปิ้ล ช่วยบำรุงสุขภาพผิวให้สดชื่น ระบบย่อยและการขับถ่ายเป็นปกติ ซึ่งผลไม้ที่สารต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ได้แก่ พรุน และบิลเบอร์รี่
ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันความเสื่อมของ จอประสาทตา มีใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม ที่มีทั้งใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลได้ดี ป้องกันท้องผูก
(An eye disease called macular degeneration, which is deterioration of the retina leading to blindness, occurs less frequently in vegetarians.)
ข้อควรระวัง
ทั้งนี้ควรระมัดระวังอาหารประเภทแป้งและไขมัน เลือกอาหารที่ปรุงด้วยผัก เต้าหู้ และโปรตีนเกษตร ส่วนอาหารทอดๆ ไม่ควรรับประทานเยอะ
นอกจากนั้นอาหารเจมีการนำเครื่องปรุงรส เช่น ซอส เต้าหู้ เต้าเจี้ยว เกลือ ที่มีเกลือเป็นส่วนประกอบค่อนข้างมาก ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ และที่สำคัญอย่าลืมขยับกาย เคลื่อนไหวให้เหงื่อออกทุกวัน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ขอบคุณบทความจาก : สสส.
ขอบคุณภาพประกอบจาก google