ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยิ่งนับวันเรายิ่งถูกเทคโนโลยีเหล่านี้ผลักดันให้เราใช้สายตามากขึ้นและนานขึ้นในแต่ละวัน โดยเราไม่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายสายตาอยู่
การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ทำให้มีอาการเมื่อยตา ตาแห้ง เคืองตา แสบตา แพ้แสง ตาพร่า ปวดตา เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยร่วมอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาสายตา เช่น การทำงานกลางแจ้งและกลางแดดนานๆ การอ่านหนังสือในที่ๆ แสงสว่างไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ เป็นต้น
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดเราควรปกป้องและดูแลสุขภาพดวงตาอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตา และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน และคอเลสเตอรอลสูง เพราะอาหารประเภทนี้อุดมไปด้วยอนุมูลอิสระที่จะไปทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายให้เสื่อมสภาพได้ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่นแสงแดดจ้า ลมแรง การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้สายตาในที่ที่มีแสงสลัวหรือแสงที่ไม่เหมาะสม
ที่สำคัญควรรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และอาหารที่ช่วยบำรุงและถนอมดวงตา ข้อมูลจาก อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า การมีสุขภาพดวงตาที่ดีนั้น ต้องเริ่มต้นด้วยการมีโภชนาการที่ดี ซึ่งก็คือ อาหารที่มีสารอาหารแอนติออกซิแดนท์ที่จะพบมากในผักและผลไม้ต่างๆ ซึ่งจะมี
- วิตามินเอ
- วิตามินซี
- วิจามินอี
- เบตาแคโรทีน
- ลูทีน
- ซีแซนทิน
- และไบโอฟลาโวนอยด์
ส่วนเกลือแร่ที่สำคัญสำหรับดวงตาคือ สังกะสี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่มากมายหลายชนิด มีสารอาหารเหล่านั้นสูงเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น บิลเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ แบล็คเคอร์แรนต์ โช้คเบอร์รี่ อาซาอิเบอร์รี่ เอลเดอร์เบอร์รี่ บอยเซ็นเบอรี และฮัคเคิลเบอร์รี่ เป็นต้น
อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช เปิดเผยว่า จากการวิจัยเกี่ยวกับโรคตาในหลายๆ ประเทศพบว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ โดยเฉพาะบิลเบอร์รี่ ที่หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคย ซึ่ง บิลเบอร์รี่ ก็คือ บลูเบอร์รี่ที่เราชอบรับประทานกันนั่นเอง จากการศึกษาพบว่า สารแอนโธไซยานินในบิลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นสารไบโอฟลาโวนอยด์ที่มีสีแดงม่วงจนไปถึงน้ำเงิน มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูงเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่น ๆ
นอกจากนี้ บิลเบอร์รี่ยังมีวิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งล้วนแต่เป็นสารที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน จึงช่วยป้องกันดวงตาจากการทำลายของอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยปกป้องเลนส์แก้วตาถูกทำลาย หรือขุ่นมัว อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต้อกระจก และจอประสาทตาเสื่อมอีกด้วย
และยังมีหลายผลวิจัย พบว่า สารแอนโธไซยานินในบิลเบอร์รี่ ช่วยป้องกันเส้นเลือดฝอยจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย ซึ่งลดความเสี่ยงโรคเบาหวานขึ้นตา ต้อหิน และต้อกระจกได้หากควบคุมดูแลเบาหวานให้ดี และช่วยป้องกันอาการอ่อนล้าของตาและช่วยให้สายตาทำงานดีขึ้นในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย
และยังช่วยเสริมสร้างการสังเคราะห์สารคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงให้กับผนังหลอดเลือดฝอย จึงเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนของเลือด
นอกจากนี้ ยังมีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อื่นๆ ได้แก่
- แบล็คเคอร์แรนต์ มีส่วนช่วยให้ตารับภาพในเวลากลางคืนได้ดี
- แครนเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีในสูง จึงให้ประโยชน์ในการช่วยดูแลสุขภาพดวงตา -
- โช้คเบอร์รี่ ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดในตาดีขึ้น
- อาซาอิเบอร์รี่ ช่วยปกป้องการเสื่อมของเลนส์ตาและจอประสาทตาได้ดียิ่งขึ้น
- เอลเดอร์เบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจึงช่วยในเรื่องการมองเห็น
การรับประทานผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่หรือในรูปเบอร์รี่สกัดเข้มข้น จึงช่วยให้ได้สารอาหารบำรุงสายตามากมาย ลดอาการเหนื่อยล้าและอาการเจ็บตารวมถึงป้องกันหรือชะลอความเสื่อมที่ก่อให้เกิดโรคทางสายตา แต่ต้องมีปริมาณที่มากพอและเหมาะสมที่จะส่งผลต่อสุขภาพตา
การรับประทานผลไม้เบอร์รี่ในรูปสกัดเข้มข้นย่อมได้สารแอนโธไซยานินและสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ ในปริมาณมากกว่าการรับประทานผลสด หรือเตรียมเอง ทำให้ได้อาหารบำรุงตามากขึ้นในการป้องกันโรคและความผิดปกติที่เกิดกับดวงตา
เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการดูแลสุขภาพดวงตาของคนยุคดิจิตอล ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของตาก่อนเวลาอันควรอย่างแท้จริง และนอกจากผลไม้ในกลุ่มเบอร์รี่แล้ว ยังมีผักและผลไม้อื่นๆ ที่ช่วยในการบำรุงสายตาเช่นกัน ได้แก่ แครอท ผักบุ้ง ตำลึง ผักคะน้า มะละกอ มะม่วงสุก เป็นต้น
ที่มา : เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สสส.http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/34241
ขอบคุณภาพประกอบจาก google