แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ healthy eyes แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ healthy eyes แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558

ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง Health Benefits of Asparagus

ขอบคุณภาพประกอบจาก relish.com
ประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง 
Health Benefits of Asparagus

หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus) อุดมด้วยซัลเฟอร์ (Sulfur) ช่วยบำรุงสายตา และรักษาสายตาให้เป็นปกติ และมีเบตา-แคโรทีน (อังกฤษ: β-carotene) เป็นสารตั้งต้นของ วิตามินเอ (โปรวิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ทั้งนี้ โดยปกติร่างกายของมนุษย์เราสามารถเปลี่ยนเบตา-แคโรทีนไปเป็นวิตามินเอได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย

ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตา

เบตา-แคโรทีน เมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรดอปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นในตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ของลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม : วิตามินเอ/เบตา-แคโรทีน
http://th.wikipedia.org/wiki/วิตามินเอ

หน่อไม้ฝรั่ง (Asparagus)

“หน่อไม้ฝรั่ง” หรือ “แอสพารากัส” (Asparagus) เป็นพืชพื้นเมืองแถบยุโรปและมีทั้งชนิดที่เป็นหน่อสีเขียว หน่อสีขาว และหน่อสีม่วงเป็นผักที่ทานอร่อย กรุบกรอบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สามารถนำไปทำปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติอร่อยแล้ว หน่อไม้ฝรั่งยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย ที่มีประโยชน์ของแอฟริกา แหล่งที่นิยมปลูกกันมากในประเทศไทยจะอยู่แถว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี ชลบุรี และนนทบุรี

หน่อไม้ฝรั่งมี 3 ชนิดคือ หน่อขาว หน่อเขียว และหน่อสีม่วง

- หน่อขาว จะเก็บหน่อที่โผล่พ้นดินขึ้นมาประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วคุ้ยดินโดยรอบหน่อออก ใช้มีดตัดตรงโคนหน่อ นิยมนำไปทำหน่อไม้ฝรั่งบรรจุกระป๋องหรือครีมซุป เป็นต้น

- หน่อเขียว ที่เรานิยมกินกันนั่นเอง จะเก็บเกี่ยวก็ต่อเมื่อหน่ออ่อนแทงพ้นดินมาประมาณ 15-22 เซนติเมตร

- หน่อสีม่วง

สิ่งที่อยู่เหนือความอร่อยของหน่อไม้ฝรั่งคือ หน่อไม้ฝรั่งเป็นแหล่งของกลูตาไทโอน [glutathione] ซึ่งเป็นสารต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยสารนี้มีมากในผักใบเขียว หน่อไม้ฝรั่งและผลอโวคาโด
ข้อมูลเพิ่มเติม : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
http://www.doctor.or.th/article/detail/5633
     
สารอาหารที่พบในหน่อไม้ฝรั่ง

มีทั้ง โปรตีน แร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เซเลเนียม โฟลาซิน และกากใยมาก อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลาย มีวิตามินซี วิตามินบี ทั้งบี 1 บี 2 บี 3 และบี 6 วิตามินเค วิตามินบี วิตามินเอ โฟเลต มีสารกลูตาไธโอน มีปริมาณเกลือต่ำมาก และไม่มีไขมันหรือโคเลสเตอรอล
     
คุณประโยชน์ของหน่อไม้ฝรั่ง

ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือผู้ที่เป็นเบาหวาน เหมาะที่จะกินหน่อไม้ฝรั่งเพราะมีปริมาณของคาร์โบไฮเดรต แครอรี่ และไขมันต่ำ แล้วยังช่วยขับปัสสาวะ ลดกรดในลำไส้ ให้พละกำลัง และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดชื่น
ข้อมูลเพิ่มเติม : Food - Manager Online
http://www.manager.co.th/travel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000113791

ข้อมูลเพิ่มเติม : Health Guidance
http://www.healthguidance.org/entry/12238/1/Health-Benefits-of-Asparagus.html

Health Benefits of Asparagus

It is also good for the eyes and it avoids you from being a victim of cataract, which is an eye problem seen in many people as they age. It is just because of the presence of glutathione and anti-oxidants.

ข้อมูลเพิ่มเติม : SFGate
http://healthyeating.sfgate.com/health-benefits-broccoli-spinach-asparagus-2361.html

Improved Vision

Spinach is a leafy green vegetable that contains a substance called lutein. Lutein helps strengthen the eyes and reduces the risk of macular degeneration and cataracts, according to the North Dakota State University. Macular degeneration occurs when the center point of vision becomes compromised. Broccoli, spinach and asparagus also contain relatively high amounts of vitamin A, an antioxidant vitamin that also is beneficial for eyesight. Spinach contains more than 9,300 international units per 100-gram serving, which is well over 100 percent of the recommended daily intake. Create a vitamin A-packed side dish by sauteing broccoli, spinach, asparagus and carrots together.

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ด้านสุขภาพของเมล็ดทานตะวัน Health Benefits of sunflower seeds by LASIK HEALTHY EYES

ขอบคุณภาพประกอบจาก care2.com
ประโยชน์ด้านสุขภาพของเมล็ดทานตะวัน
Health Benefits of sunflower seeds. 

ทานตะวันแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ คือ

1.ประเภทนำเมล็ดมาประกอบอาหาร ในรูปของน้ำมันและแป้ง ทานตะวันประเภทนี้จะมีลักษณะเด่น คือ ลำต้นโตเดี่ยว และให้ดอกได้เพียงดอกเดียว ต่อ 1 ต้น ดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ครึ่งฟุตหรือมากกว่านี้เล็กน้อย ลำต้นสูงประมาณ 2-3 เมตร ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์

2.ประเภทใช้เป็นไม้ประดับ ทานตะวันประเภทนี้มีลำต้นเล็ก และมีแขนงแยกออกมาจากลำต้นใหญ่มีดอกเล็กๆ จำนวนมาก จึงทำให้เมล็ดทานตะวันประเภทนี้มีขนาดเล็ก

เมล็ดทานตะวัน  (Sunflower seeds) อุดมไปด้วยวิตามินอี และมีคุณประโยชน์มากมายในการช่วยป้องกันสายตา  โรคตา เช่น โรคต้อกระจก วิตามินอีเป็นที่รู้จักกันว่า เป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน ให้ผลในการป้องกันการทำลายของเซลล์ และยังช่วยในการปกป้องเยื่อหุ้มเซลล์ ที่อวัยวะต่างๆ เช่น เซลล์ของตา ตับ เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานและอายุการใช้งานของอวัยวะเหล่านี้นานขึ้น

เมล็ดดอกทานตะวัน รับประทานวันละ 40-60 กรัม จะช่วยให้มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ในปริมาณที่มากพอ เมล็ดดอกทานตะวันในปริมาณ 28 กรัม (2 ช้อนโต๊ะ) ให้พลังงาน 163 แคลอรี กรดไลโนเลอิค 8 กรัม กรดไขมันชนิดอิ่มตัว 1 กรัม เส้นใย 6 กรัม วิตามินบี 1 0.4 มิลลิกรัม และวิตามินอี 11 มิลลิกรัม

เมล็ดทานตะวัน จัดเป็นอาหารสุขภาพชั้นดี มีวิตามินอี และกรดไขมันไลโนเลอิค 

ซึ่งมีประโยชน์มากในการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็ง มีวิตามินอีช่วยป้องกันหัวใจวาย วิตามินอียังเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยป้อง กันมะเร็ง และโรคต้อกระจก

วิตามินอี มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคตา โดยเฉพาะในทารกคลอดก่อนกำหนด จากการวิจัยพบว่า การขาดวิตามินอีทำให้จอรับภาพของดวงตาเสื่อมได้

กรดไลโนเลอิค หรือ วิตามินเอฟ (กรดไขมันไม่อิ่มตัว) ช่วยลดระดับทั้งคอเลสเตอรอลรวม และคอเลสเตอรอลร้าย (LDL) อันเป็นสาเหตุของหลอดเลือดหัวใจตีบ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการแข็งตัวของเกล็ดเลือดอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Sunflower seeds

Nutrients in Sunflower Seeds 0.25 cup (35.00 grams)
- vitamin E 61.5%
- vitamin B 134.6%
- manganese 34%
- copper 31.5%
- tryptophan 31.2%
- magnesium 28.4%
- selenium 26.5%
- vitamin B6 23.5%
- phosphorus 23.1%
- folate 19.8%
- Calories (204) 11%

Health Benefits

Looking for a health-promoting snack? A handful of sunflower seeds will take care of your hunger, while also enhancing your health by supplying significant amounts of vitamin E, magnesium and selenium.
Thanks English Info From : Sunflower seeds - The World's Healthiest Foods
http://goo.gl/yaCR0n

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Mineral Content
Raw sunflower seeds come packed with essential minerals, and serve as especially rich sources of copper, magnesium and manganese. All three minerals support your metabolism, helping you produce energy to fuel your active lifestyle. Magnesium also supports cell communication, copper nourishes your nervous system and manganese aids in bone development. All adults need 900 micrograms of copper each day, and women need 320 milligrams of magnesium and 1.8 milligrams of manganese, while men need 420 and 2.3 milligrams of magnesium and manganese, respectively. An ounce of raw sunflower seeds contributes 504 micrograms of copper, 91 milligrams of magnesium and 0.54 milligram of manganese toward your daily needs.

Vitamin Content
Add raw sunflower seeds to your diet as a source of water-soluble B-complex vitamins, as well as vitamin E. The B vitamins work together to keep your metabolism healthy, and they also support other essential processes, including nervous system function and red blood vessel development. Raw sunflower seeds provide vitamins B-1, B-3 and B-9. Each ounce of raw seeds also contains 9.9 milligrams of vitamin E, or 66 percent of your recommended daily intake. Vitamin E offers antioxidant protection, which keeps your tissues free of damage, and also promotes healthy cell communication.
Thanks English Info From : The Nutritional Value of Raw Sunflower Seeds : livestrong
http://goo.gl/YcR6n4

ข้อมูลอ้างอิง

"เมล็ดทานตะวัน"อาหารชั้นดี : สสส.
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/13268
อาหารบํารุงสายตา : Minebeauty คลับสำหรับผู้หญิง
http://goo.gl/2JdCTj
Sunflower seeds - The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=57
ทานตะวัน สีแดง (ดอกสีแดง)
http://www.mixedfarming.net/index.php?mo=3&art=42068508
โภชนาการรักษาโรค เมล็ดทานตะวัน
http://bewty-drink.blogspot.com/2012/05/blog-post_9983.html
Health Benefits Sunflower Seeds Nutrition Facts and Culinary Uses : Hubpages
http://janderson99.hubpages.com/hub/Health-Benefits-Sunflower-Seeds-Nutrition-Facts-and-Culinary-Uses
Earl Mindell's Vitamin Bible

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของผักหวานบ้าน Benefits of Sweet leaf Bush by LASIK HEALTHY EYES

ขอบคุณภาพประกอบจาก kasetporpeang.com
ประโยชน์ของผักหวานบ้าน (Sweet leaf Bush)
Benefits of Sweet leaf Bush.

ชื่อสมุนไพร ผักหวานบ้าน
ชื่ออื่นๆ ผักหวานใต้ใบ (สตูล) มะยมป่า (ประจวบคีรีขันธ์) ก้านตง ใต้ใบใหญ่ จ๊าผักหวาน ผักหลน (เหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sauropus androgynus (L.) Merr.
ชื่อพ้อง Sauropus albicans Bl.
ชื่อวงศ์ Euphorbiaceae
ชื่อสามัญ  Star Gooseberry, Sweet leaf Bush

ขอบคุณภาพประกอบจาก foodnetworksolution.com

ผักหวาน เป็นผักที่ใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด และยังเป็นพืชสมุนไพร มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของโปรตีน วิตามินซี (vitamin C) เบตา-แคโรทีนซึ่งช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา และมีสรรพคุณเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงและ มีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย

ขอบคุณภาพประกอบจาก phargarden.com

ผักหวานมี 2 ประเภท ดังนี้

1. ผักหวานบ้าน (EUPHORBIACEAE:Sauropus abicans) ลักษณะเป็นไม้พุ่มต้นเล็ก ต้นสูงประมาณ 2-4 ฟุต ใบคล้ายใบมะยม แต่มีนวลขาว บนหน้าใบ ดอกเล็กเป็น ช่อสีแดง ขาว ผลขนาดเล็ก มีสีเขียวอ่อน จานรองผลมีสีแดงเข้มติดห้อยย้อยตามกิ่งใต้ผักหวานบ้านเป็นพืชที่ปลูกง่ายนิยมใช้ต้นอ่อนมาปลูกในสวน ตามพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมรั้วบ้านหรือที่ใกล้แหล่งน้ำ

ข้อควรระวัง : การรับประทานผักหวานไม่ควรรับประทานสดๆ เป็นจำนวนมาก เนื่องจากผักหวานบ้านมีสารอัลคาลอยด์ปาปาเวอรีน (papaverine) ซึ่งเป็นพิษต่อปอด และมีรายงานผู้ป่วยที่เป็นโรคที่เนื้อเยื่อปอดถูกทำลายชนิด bronchiolitis obliterans (SABO) syndrome จากการกินผักหวานเป็นจำนวนมากเพื่อต้องการลดน้ำหนัก

2. ผักหวานป่า (OPILLACEAE :Melientha suavis) เป็นผักพื้นบ้านของไทยที่ขึ้นเองตามป่าราบ มีทุกภาคในประเทศไทย ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อมถึงขนาดกลางใบใหญ่ยาวคล้ายใบมะตูมผิวขาวนวล ผลกลม ขนาดเล็ก สีแดง ใบอ่อน ใช้รับประทานได้ เช่น ใบผักหวานบ้าน แต่รสหวานดี และมีราคาแพงกว่าผักหวานบ้าน

ข้อควรระวัง : การบริโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสดๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมา เป็นไข้ และอาเจียนได้

การเก็บใบผักหวานป่าไปรับประทาน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีต้นไม้ อีกชนิดหนึ่งเรียกว่า "ต้นเสน" เป็นไม้ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับต้นผักหวานมาก ลำต้นออกมีสีหม่นๆ และใบหนากว่ากันเล็กน้อย ใบต้นเสนถ้ารับประทานเข้าไปจะทำให้คลื่นไส้อาเจียน คอแห้ง อ่อนเพลีย หมดสติ ถ้ากำลังน้อย อาจตายได้

ข้อควรระวังในการบริโภคผักหวานป่า 

การบริโภคผักหวานป่าควรปรุงให้สุกเสียก่อน เนื่องจากการบริโภคสดๆ ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเบื่อเมา เป็นไข้ และอาเจียนได้

คุณค่าทางโภชนาการของผักหวาน

ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของผักหวานทั้ง 2 ชนิดคล้ายคลึงกัน จัดเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นแหล่งของโปรตีน วิตามินซี เบตา-แคโรทีนซึ่งช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และมีใยอาหารช่วยในการขับถ่าย

คุณค่าทางโภชนาการ

นอกจากนี้ จากรายงานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ (กองโภชนาการ 2535) มีการศึกษาคุณค่าทางอาหารของใบ และยอดผักหวานพบว่าใบและยอดผักหวาน 100 กรัม มีทั้งไขมัน ,คาร์โบไฮเดรต , เส้นใย, โปรตีน, วิตามินบี, วิตามินบี 2,  วิตามินซี,  แคลเซี่ยม,  เหล็ก, ฟอสฟอรัส,ไนอาซีน (วิตามินบี 3) และยังมีวิตามินเอ ที่มีประโยชน์กับสายตาสูงถึง 20.503 หน่วยสากล วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายในด้านการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)
     
ยอดและใบสดที่รับประทานได้ 100 กรัม ให้พลังงาน 300 กิโลจูล (KJ) ประกอบด้วยสารอาหารสำคัญคือ

- น้ำ 76.6 กรัม
- โปรตีน 8.2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 10 กรัม
- ใยอาหาร 3.4 กรัม
- เถ้า 1.8 กรัม
- เบตา-แคโรทีน 1.6 มิลลิกรัม
- วิตามินซี (vitamin C) 115 มิลลิกรัม

ประโยชน์ในการประกอบอาหาร

ส่วนของผักหวานบ้าน (Sweet leaf Bush) ที่นำมาใช้ทานเป็นผัก ก็คือ ใบและยอดอ่อน โดยใช้เป็นผักจิ้ม ซึ่งนิยมลวกให้สุกเสียก่อน หรือนำไปแกง เช่น แกงเลียง หรือแกงจืด นอกจากนั้นยังนำไปผัด เช่น ผัดน้ำมันหอย เป็นต้น น่าสังเกตว่า ชนิดอาหารที่ปรุงจากผักหวานบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผักจิ้ม แกงเลียง แกงจืด หรือผัดน้ำมันหอย ล้วนแล้วแต่มีเครื่องปรุงแต่งน้อย เพราะรสชาติของผักหวานบ้าน มีรสชาติดีกว่าผักทั่วไป คนไทยปัจจุบันไม่ค่อยได้กรับประทานผักหวานบ้านเหมือนในอดีต เพราะในตลาดไม่ค่อยพบผักหวานบ้านวางขาย ทั้งที่รสชาติของผักหวานบ้านนั้นดีกว่าผักส่วนใหญ่ที่มีขายในท้องตลาดปัจจุบัน โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่ชอบอาหารรสจัดน่าจะชอบผักหวานบ้านเป็นพิเศษ

ผักหวานบ้าน ตรงใบและยอดอ่อน จะมีวิตามินเอมากเป็นพิเศษ คือใน ๑๐๐ กรัม มีวิตามินเออยู่สูงถึง ๑๖,๕๙๐ หน่วยสากล (IU) วิตามินเอ เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน มีความสำคัญต่อร่างกายในด้านการมองเห็น ช่วยบำรุงสายตา และแก้โรคตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)

ผักหวาน ที่เป็นไม้ยืนต้นในจำนวนไม่มากนักที่มีวิตามินเคอยู่ด้วย ซึ่งวิตามินเคนี้มีสรรพคุณในการช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีบาดแผลเลือดออก ช่วยให้ตับทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำงานร่วมกับวิตามินดีในการควบคุมระดับแคลเซียมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างเซลล์กระดูกและเนื้อเยื่อไต

โดยทั่วไปแล้วประมาณร้อยละ ๕๐ ของวิตามินเคได้มาจากการสังเคราะห์ของแบคทีเรียในลำไส้ และหากรับประทานอาหารอย่างสมดุล ร่างกายก็จะได้รับวิตามินเคอย่างเพียงพออยู่แล้ว ส่วนที่เหลือได้จากอาหารที่มีวิตามินเค ได้แก่ ผักใบเขียว เช่น บร็อกโคลี่ ผักโขม ผักกาดหอม กะหล่ำปลี ผักหวานบ้าน ตับ นมและผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ทั้งวิตามินซีและเบตา-แคโรทีน ซึ่งมีอยู่ในผักหวานและแครอทอาจถูกทำลายไปบ้างจากความร้อนในการต้ม ดั้งนั้น เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ จึงไม่ควรใช้เวลาในการต้มผักนานเกินไปและควรรับประทานทันทีหลังปรุงเสร็จใหม่ๆ

ข้อควรระวัง

ใบผักหวานเมา มีลักษณะคล้าย ใบผักหวานมาก ลักษณะแตกต่างที่เห็นชัด คือ
1. ลักษณะช่อดอกของผักหวานซึ่งเป็นดอกแยกเพศ และเป็นช่อดอกคล้ายช่อแยกแขนง
2. ส่วนผักหวานเมานั้นเป็นดอกสมบูรณ์เพศ และช่อดอกกระจะ

หากพบในช่วงที่ไม่มีช่อดอกนั้นสามารถแยกความแตกต่างที่ลักษณะใบได้ดังนี้ 
1. ผักหวานมีปลายใบมนหรือแหลมและแผ่นใบกว้างกว่า
2. ส่วนผักหวานเมานั้นมีปลายใบเรียวแหลมและแผ่นใบแคบกว่า
       
สรุปได้ว่าผักหวานที่สามารถรับประทานได้มีสามชนิด คือ
- ผักหวานมักเรียกกันว่าผักหวานป่า
- ผักหวานบ้านซึ่งพบได้ทั่วไป และ
- ผักหวานป่าหรือผักพูมซึ่งพบเฉพาะในภาคใต้เท่านั้น

ส่วนผักหวานที่มีความเป็นพิษนั้นคือ ผักหวานเมาหรือผักแหวน ซึ่งมีลักษณะคล้ายผักหวานมากแต่สามารถแยกความแตกต่างได้ดังแสดงไว้ในตารางสรุป



ขอบคุณภาพประกอบจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

แหล่งข้อมูล/ข้อมูลอ้างอิง

ผักหวาน : Food Network Solution
http://goo.gl/RhQggB
ผักหวานบ้าน - ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบล
http://www.phargarden.com/main.php?action=viewpage&pid=77
ผักหวาน (Star Gooseberry) - FoodTravel
http://www.foodtravel.tv/recingradientshow_detail.aspx?viewId=275
แกงจืดผักหวาน | ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
http://www.doctor.or.th/article/detail/11228
ข้อควรระวังคือใบผักหวานเมามีลักษณะคล้ายใบผักหวานมาก
ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ศาสตาจารย์ ดร.วงศ์สถิตย์ ฉั่วกุล
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=145
ผักหวานบ้าน ปลอดสารพิษ : hm-garden
http://goo.gl/KiS4bb
Sweet Leaf Bush ~ Survival Food - Herbs are Special
http://herbsarespecial.com.au/isabells_blog/sweet-leaf-bush-survival-food.html
ผักหวานบ้าน - The-Than.com
http://www.the-than.com/samonpai/P/46.html

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของผักกาดขาวปลี Health Benefits of Chinese Cabbage by LASIK HEALTHY EYES

ขอบคุณภาพประกอบจาก parkseed.com
ประโยชน์ของผักกาดขาวปลี
Health Benefits of Chinese Cabbage

ชื่อวิทยาศาสตร์ Brassica pekinensis
ชื่อสามัญ Chinese Cabbage
วงศ์ Cruciferae
ชื่ออื่นๆ ผักกาดขาวปลี แปะฉ่าย แปะฉ่ายลุ้ย

คุณค่าทางอาหาร

ผักกาดขาวมีสารอาหารต่าง ๆ ค่อนข้างครบ เช่น โปรตีน ไขมัน น้ำตาล ที่สำคัญคือ ผักกาดขาวมีแคลเซี่ยมและวิตามินซีในปริมาณสูง ซึ่งแคลเซี่ยมนอกจากจะมีหน้าที่เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อทำงานเป็นปกติ ปัจจุบันยังพบว่า แคลเซี่ยมมีบทบาทในการลดความดันโลหิตสูง และป้องกันมะเร็งในลำไส้อีกด้วย ส่วนวิตามินซีจะมีบทบาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมสร้างความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันมะเร็ง และกำจัดสารพิษและโลหะหนักให้แก่ร่างกาย

สารสำคัญที่พบ

ในหัวผักกาดขาวสดส่วนที่ใช้เป็นอาหารได้ 100 กรัม
- มีน้ำ 91.7 กรัม
- โปรตีน 0.6 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 5.7 กรัม
- ความร้อน 250,000 แคลอรี่
- เส้นใยหยาบ 0.8 กรัม
- ash (เถ้า) 0.8 กรัม
- คาโรทีน (Carotene) 0.02 มก.
- วิตามินบีหนึ่ง 0.02 มก.
- วิตามินบีสอง 0.04 มก.
- กรดนิโคตินิค (Nicotinic acid) 0.5 มก.
- วิตามินซี 30 มก.
- แคลเซียม 49 มก.
- ฟอสฟอรัส 34 มก.
- ธาตุเหล็ก 0.5 มก.
- โปแตสเซียม 196 มก.
- ซิลิกอน 0.024 มก.
- แมงกานีส 1.26 มก.
- สังกะสี 3.21 มก.
- โมลิบดีนัม 0.125 มก.
- โบรอน 2.07 มก.
- ทองแดง 0.21 มก. นอกจากนี้ยังมี
- กลูโคส (Glucose)
- ซูโครส (Sucross)
- Fructose Coumaric acid,Ferulic acid, Gentisic acid, Phenylpyruvic acid และกรดอะมิโนหลายชนิด

เมล็ด มีไขมัน เช่น Erucic acid, Linolenic acid และ Glycerol sinapate เป็นต้น น้ำมันหอมระเหยที่สำคัญคือ Methyl mercaptan นอกจากนี้ยังมีสารที่ยับยั้งแบคทีเรีย คือ Raphanin

ประโยชน์

ผักกาดขาวยังเป็นผักที่ให้เส้นใย (dietary fiber) สูงมากชนิดหนึ่ง

ก่อนอื่นเรามารู้จักเส้นใยอาหารกันเสียก่อน เส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ละลายน้ำ แต่จะพองตัวเมื่อมีน้ำ มีความสามารถในการอุ้มน้ำ เพิ่มความหนืด ไม่ถูกย่อย ดูดซับและแลกเปลี่ยนประจุได้จึงป้องกันการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น จะกำจัดอนุมูลอิสระ 

การอุ้มน้ำได้ดีของเส้นใย จึงเพิ่มปริมาตรกากอาหาร กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ทำให้กากอาหารอ่อนนุ่ม ถ่ายสะดวก ตำรายาจีนที่แก้ท้องผูกจะเอาผักกาดขาวล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วผัดกับน้ำมันเกือบสุก จึงเติมซีอิ๊ว น้ำตาลทรายขาว น้ำส้ม น้ำและแป้งสาลีคั่วต่อไปจนสุกดี รับประทานแก้ท้องผูก แต่ถ้าเป็นตำรับแก้ท้องผูกไทย ๆ ก็รับประทานแกงส้มผักกาดขาว ได้เส้นใยจากผักกาดขาว และได้น้ำมะขามจากแกงส้มช่วยในการระบาย

การที่เส้นใยสามารถกำจัดอนุมูลอิสระ และช่วยดึงเอาสารพิษที่อาจปนเปื้อนเข้าไปกับอาหาร ร่วมกับการที่เส้นใยสามารถลดความหมักหมมของกากอาหารในลำไส้ จึงทำให้เส้นใยลดอุบัติการณ์การเป็นมะเร็งในลำไส้ สรรพคุณในการป้องกันมะเร็งในลำไส้

แม้ยังไม่ทราบขนาดที่แน่นอน แต่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดให้ชายวัยสูงอายุบริโภคเส้นใยอาหาร 18 กรัมต่อวัน ในวันหนุ่มสาวต้องเพิ่มเป็น 20-25 กรัมต่อวัน การรับประทานเส้นใยอาหารมากกว่านี้ไม่ได้ช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง แต่จะช่วยในแง่สุขภาพด้านอื่น เช่น ช่วยลดอาการท้องผูก เป็นต้น ดังนั้นการรับประทานผักกาดขาวเป็นประจำจะช่วยในการขับถ่าย และป้องกันมะเร็งในลำไส้ได้เป็นอย่างดี

ผักกาดขาวเป็นผักสามัญ ที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย เช่น ผักกาดขาวอุดมไปด้วย โฟเลต ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ถ้าแม่ได้รับโฟเลตน้อยเกินไป การสร้างระบบประสาทและ DNA ของทารกอาจผิดปรกติได้ นอกจากนี้โฟเลตยังช่วยทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งแรงอีกด้วย ผักกาดขาวมีสรรพคุณหลายด้านทั้งช่วยย่อยอาหาร ขับปัสสาวะ แก้ไอ ขับเสมหะ แก้พิษสุรา ส่วนเส้นใยอาหารที่มีอยู่มากในผักกาดขาวยังช่วยให้ผู้ที่ท้องผูกบ่อยๆผ่อนหนักเป็นเบาได้

หัวผักกาดขาว: มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเย็น (เป็นหยิน) ช่วยย่อย แก้ไอมีเสมหะ ไม่มีเสียง อาเจียนเป็นโลหิต ท้องเสีย
เมล็ด: มีรสเผ็ดหวาน คุณสมบัติเป็นกลาง แก้ไอมีเสมหะ และหืด ช่วยให้ย่อย ท้องเสีย
ใบ: มีรสเผ็ดขม คุณสมบัติเป็นกลาง ช่วยย่อย เจ็บคอ ท้องเสีย ขับน้ำนม

ข้อควรระวัง

ผู้ที่มีอาการม้ามพร่อง คือ มีอาการท้องอืด แน่น เป็นประจำ กินอาหารแล้วไม่ค่อยย่อย มีแก๊สในกระเพาะอาหารมาก ไม่ควรกิน แต่ถ้ามีอาการท้องอืด แน่น ชั่วคราวเนื่องจากกินอาหารที่ย่อยยาก หรือกินมากเกินไป

หัวผักกาดขาวมี Mustard oil ซึ่งมีรสเผ็ด เมื่อสารนี้รวมกับเอนไซม์ในหัวผักกาดขาว มีฤทธิ์กระตุ้นให้กระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนไหว ทำให้กินอาหารได้มากขึ้น และยังช่วยย่อยอาหารอีกด้วย ดังนั้นหลังกินอาหารจำพวกเนื้อหรือของมันๆ ควรกินหัวผักกาดขาวสักเล็กน้อย

เนื่องจาก Amylase ในหัวผักกาดขาวไม่ทนต่อความร้อน จะถูกทำลาย ณ อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นอกจากนี้วิตามินซีก็ไม่ทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นจึงควรกินหัวผักกาดขาวดิบๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Chinese cabbage is an excellent source of vitamin C It is also a good source of Vitamin A. It helps in the improvement of vision and proper growth of teeth. It has a very low calorie content. Chinese cabbage also contains many minerals and it is rich in calcium and potassium. It is a good source of sulfur and as we know Sulfur is one of the elements that increase body heat, so people with cold feet might want to include cabbage in their diet. It is a good source of beta-carotene which is known for its antioxidant properties and helps reduce the risks of many cancer. It helps in regulating blood pressure level.
Thanks English Info From : Chinese Cabbage Benefits
http://www.saviodsilva.net/chinese-cabbage-benefits.htm

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Composition of Chinese cabbage

In 100 g Chinese cabbage are contained 1.5 g protein, 13 calories, 1 g fiber, 0.2 g fat and 2.2 g of carbohydrates.

Chinese cabbage is rich in vitamin A, B and C and the minerals calcium, potassium, iron, phosphorous and magnesium. It contains beta-carotene and vitamin K<
Benefits of Chinese cabbage

Chinese cabbage is a diet vegetable and is very useful in cardiovascular disease. It removes fever and inflammation, infections and sore throats. Regular consumption helps to improve digestion and urination.

It is believed that Chinese cabbage activates the brain and strengthens the kidneys. Helps with coughs and infections of the eyes, and regular consumption of cabbage prevents cancer.

Chinese cabbage can be used for stomach ulcers, vitamin deficiency, anemia and increase immunity. Chinese doctors believe that it purifies the blood and helps n an active and fulfilling lifestyle.

Chinese cabbage is great, especially healthy addition to any diet. It contains very few calories - only 9 in a bowl.

Dangers of Chinese cabbage

Chinese cabbage contains glucosinolates. In small amounts, they are useful, but in large doses- toxic. Milder symptoms of consumption of cabbage may include nausea and dizziness, digestive problems in people who have a weak stomach. Sometimes the side effects of consuming cabbage with improper preparation are unpleasant.
Thanks English Info From : Chinese Cabbage : cook13.com
http://cook13.com/n7-31900-Chinese_Cabbage

ข้อมูลอ้างอิง

ผักกาดขาว - The-Than.com
http://www.the-than.com/samonpai/P/41.html
http://www.the-than.com/samonpai/P/41.html
Chinese Cabbage : cook13.com
http://cook13.com/n7-31900-Chinese_Cabbage
Chinese Cabbage Benefits
http://www.saviodsilva.net/chinese-cabbage-benefits.htm
Dr. Decuypere's Nutrient Charts : Vegetables Chart
http://www.health-alternatives.com/vegetables-nutrition-chart.html
Sight-savers - We list the foods that can keep your eyes healthy : DailyMail
http://www.dailymail.co.uk/health/article-1167487/Sight-savers--We-list-foods-eyes-healthy.html

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ทางโภชนาการของกล้วยไข่ Nutritional benefits of Pisang Mas Banana or Golden Banana by LASIK HEALTHY EYE

ขอบคุณภาพประกอบจาก flickriver.com
ประโยชน์ทางโภชนาการของกล้วยไข่
Nutritional benefits of Pisang Mas Banana or Golden Banana

กล้วยไข่ (Pisang Mas Banana : Golden Banana)

กล้วยไข่ เป็นชื่อของผลไม้ชนิดหนึ่งที่อยู่ในตระกูลกล้วย (Musaceae) โดยมีชื่อสามัญว่า Pisang Mas กล้วยชนิดนี้สามารถปลูกได้ทุกภาคของประเทศไทยถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญอย่างหนึ่งที่สามารถนำรายได้เข้าประเทศได้

กล้วยไข่มี 2 สายพันธุ์ คือ กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร และกล้วยไข่สายพันธุ์พระตระบอง สำหรับพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุดเพื่อเป็นการค้าคือ สายพันธุ์กำแพงเพชร

1. กล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร ผิวเปลือกผลบาง ผลมีขนาดเล็ก เนื้อมีสีเหลืองรสชาติหวานอร่อย

2.กล้วยไข่สายพันธุ์พระตะบอง รสชาติจะออกหวานอมเปรี้ยว และผลมีขนาดใหญ่กว่ากล้วยไข่สายพันธุ์กำแพงเพชร

สำหรับกล้วยไข่ ซึ่งจังหวัดกำแพงเพชรเป็นแหล่งปลูกที่มีชื่อเสียงของประเทศ และเป็นผลไม้คู่กับเทศกาลสารทไทยด้วย 

จากงานวิจัยของสำนักโภชนาการกรมอนามัย พบว่ามีประโยชน์สูง โดยมีวิตามินอี เบต้าแคโรทีน และวิตามีนซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง หรือทำให้เกิดการอักเสบ การทำลายเนื้อเยื่อ รวมทั้งโรคตาต้อกระจกได้

ผลการวิจัยพบว่าในกล้วยไข่ 1 ผล ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 40 กรัม มีเบต้าแคโรทีน 108 ไมโครกรัม มีวิตามินอี 0.19 มิลลิกรัม วิตามินซี 4 มิลลิกรัม และให้พลังงาน 44 กิโลแคลอรี่

วิธีทานกล้วยไข่ แนะนำให้ทานกล้วยไข่แทนข้าวได้ 2 ผล เด็กกินได้ 1-2 ผล จะต้องลดปริมาณข้าวลง เพราะกล้วยไข่ 2 ผลเท่ากับข้าว 1 ทัพพี หากแปรรูปทำเป็นกล้วยไข่อบแห้ง จะต้องไม่ใส่น้ำตาล หากนำไปทอดให้ระวังเรื่องน้ำมัน ส่วนการเชื่อมต้องระวังเรื่องความหวาน โดยเด็กสามารถกินกล้วยฉาบแทนขนมกรุบกรอบได้ เพราะมีประโยชน์มากกว่า

คุณประโยชน์ของกล้วยไข่ : 

กล้วยไข่ 1 ขีด มีเบต้าแคโรทีนมากที่สุดถึง 492 ไมโครกรัม ขณะที่กล้วยน้ำว้ามีเพียง9 ไมโครกรัม นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก ซึ่งสารนี้สามารถช่วยชะลอริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าของเราได้ดี และยังสามารถชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้อร้ายได้

อีกทั้งกล้วยไข่ยังมีสารอาหารที่น่าสนใจอื่นๆ อีกเช่น เกลือแร่ วิตามินเอ บี2 บี6 และวิตามินซี ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผลกล้วยเท่านั้น

ในหัวปลี ยังมีแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และฟอสฟอรัสซึ่งเป็นประโยชน์ต่อกระดูกและเนื้อเยื่ออย่างมาก

อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้อย่างดี เพราะเนื้อกล้วยไข่มีไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำสูง แต่กล้วยไข่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตอยู่พอสมควร จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก นอกจากรับประทานผลสดแล้วยังสามารถนำมาแปรรูปเป็นขนมได้อีกด้วย เช่น กล้วยไข่เชื่อมข้าวเม่าทอดกล้วยไข่ บวชชีกล้วยไข่ ก็รสชาติอร่อยไม่แพ้กันเลย วันนี้จึงอยากแนะนำเพื่อนๆ หันมารับประทานกล้วยไข่กันมากๆ เพื่อสุขภาพ

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

คุณค่าทางโภชนาการ

เป็นไม้ผลเขตร้อน ผลสุกนอกจากจะใช้รับประทานเป็นผลไม้แล้ว ยังสามารถนำมาปรุงอาหารคาวหวาน และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารแปรรูปชนิดต่างๆ ได้อีกหลายชนิด ใบตองสดสามารถนำไปใช้ห่อของ ทำงานประดิษฐ์ ศิลปะต่างๆ ใบตองแห้งใช้ทำกระทงใส่อาหาร และใช้ห่อผลไม้ ก้านใบและกาบกล้วยแห้งใช้ทำเชือก หัวปลีหรือดอกกล้วยน้ำว้า ยังใช้รับประทานแทนผักได้ดีอีกด้วย

ประโยชน์ต่อสุขภาพ

กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพ แต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษในเรื่องของสาร ต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักดี คือ เบต้าแคโรทีน โดยธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้นหรือเกิน 22 ปีไปแล้ว ความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆ ของร่างกายก็เริ่มมาเยือน ช่วงนี้เอง มี 2 สิ่งที่สำคัญเกิดขึ้นในร่างกายเราซึ่งก็คือ เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์ก็จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้น และส่วนที่สองคือ ความสามารถในการซ่อมแซมส่วนสึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ พร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระ ก็ลดลง ในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

ข้อมูลเพิ่มเติม :- 

กล้วยไข่ (Pisang Mas Banana) ประกอบด้วยสารอาหารดังนี้

- วิตามินเอ ( Total VitaminA (RE) 82 Ug / 100 G
- เบต้า เคโรทีน ( Betacarotene ) 492 Ug / 100 G
- วิตามินอี ( VitaminE)
- วิตามินบี 1 ( Thiamin ) .03 Mg / 100 G
- วิตามินบี 2 ( Riboflavin ) .05 Mg / 100 G
- ไนอะซิน ( Niacin ) 1.4 Mg / 100 G
- วิตามินซี ( VitaminC ) 2 Mg / 100 G
- พลังงาน ( Energy ) 147 KCAL / 100 G
- น้ำ ( Water ) 62.8 G / 100 G
- โปรตีน ( Protein ) 1.5 G / 100 G
- ไขมัน ( Fat ) .2 G / 100 G
- คาร์โบไฮเดรต ( Carbohydrate ) 34.8 G / 100 G
- ใยอาหาร( กาก ) ( Crude/ Dietar ) 1.9 G / 100 G
- เถ้า ( Ash ) .7 G / 100 G
- แคลเซียม ( Calcium ) 4 Mg / 100 G
- ฟอสฟอรัส ( Phosporus ) 23 Mg / 100 G
- ธาตุเหล็ก ( Iron ) 1 Mg / 100 G
- มีวิตามินเอสูง (RETINOL) ร่างกายปกติ ต้องการวิตามินเอ ประมาณ 1000 ไมโครกรัมต่อวัน ( ในรูปของ Retinol)

**วิตามินเอ RETINOL เป็นวิตามินที่อยู่ในรูปแบบวิตามินอยู่แล้ว (Proformed Vitamin A) หรือเรียกว่า Retinol**

ข้อมูลเพิ่มเติม :-

Health Benefits of Banana

Nutritional facts:  Bananas contain three natural sugars - sucrose, fructose and glucose - combined with fiber. A banana gives an instant, sustained and substantial boost of energy. There are 86 calories in a medium banana

Medicinal & Health Benefits of Banana:

Banana is an effective fruit for health benefits. The mixture of carbohydrates and vitamins present in banana helps an energy increase. The natural fiber in banana also gives to the many health benefits. Here are some important benefits of banana.

Vitamins and Minerals: Banana is high in Vitamin A which is important for development of tissue in eyes and growth of the skin. Vitamin B is also present which help in calming the nervous system.

Eye sight: Prolonged use of banana in daily life can restore the eyesight in person suffering from eye sight problem. It acts as a very good medicine and ensures better eyesight
Thanks English Info From : Saviodsilva : Banana Benefits, Health Benefits of Banana
http://buff.ly/1cs71yD

Bananas

Bananas are elliptically shaped fruits "prepackaged" by Nature, featuring a firm, creamy flesh gift-wrapped inside a thick inedible peel. The banana plant grows 10 to 26 feet in height and belongs to the family Musaceae. Banana fruits grow in clusters of 50 to 150, with individual fruits grouped in bunches, known as "hands," of 10 to 25 bananas.

Bananas abound in hundreds of edible varieties that fall under two distinct species: the sweet banana (Musa sapienta, Musa nana) and the plantain banana (Musa paradisiacal). Sweet bananas vary in size and color.

While we are accustomed to thinking of sweet bananas as having yellow skins, they can also feature red, pink, purple and black tones when ripe. Their flavor and texture range with some varieties being sweet while others have starchier characteristics. In the United States, the most familiar varieties are Big Michael, Martinique and Cavendish. Plantain bananas are usually cooked and considered more like a vegetable due to their starchier qualities; they have a higher beta-carotene concentration than most sweet bananas.
Bananas - The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=7

ข้อมูลอ้างอิง

กล้วยไข่ จากวิกิพีเดีย
http://buff.ly/1aMZGug
ผลการวิจัยพบว่าในกล้วยไข่ ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
สสส.http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/situations/31078
กินกล้วยเพื่อสุขภาพ : สสส.
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/13019
คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพของกล้วยไข่ - องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
http://www.mof.or.th/web/agriculture.php?id=64&cat=25
คุณประโยชน์ของกล้วยไข่ - ห้องข่าว
http://www.talaadthai.com/main/newspage.aspx?id=237
สารอาหารในกล้วยไข่ : Vitamin.co.th
http://buff.ly/1cs74dC
เรื่องกล้วยๆ : มูลนิธิหมอชาวบ้าน
http://www.doctor.or.th/article/detail/3678
Banana Benefits, Health Benefits of Banana
http://buff.ly/1cs71yD
Bananas - The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=7
วิตามินเอ (RETINOL)
https://sites.google.com/site/vitaminforhealth/home/fat-soluble-vitamins/retinol
Vitamin A กลุ่มเรตินอล (Retinol) : clinicneo
http://www.clinicneo.co.th/detailcolumn.php?grp=7&col_id=252
**Vitamin : student chula**
http://www.student.chula.ac.th/~53370714/Knowledge.html#via

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์หลากหลายของลูกพรุน Various Benefits of Prunes by LASIK HEALTHY EYE

ขอบคุณภาพประกอบจาก : topsten.com
หลากประโยชน์ของลูกพรุน (Prunes)
Various Benefits of Prunes

ลูกพรุน (Prunes)

ลูกพรุน (Prunes) คือ ผลจากการนำลูกพลัมมาตากแห้ง เป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือลักษณะที่นำมารับประทานมีทั้งรับประทานเป็นผลสด นำมาตากแห้ง ทำเป็นน้ำลูกพรุน และนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหาร ในปัจจุบันประเทศทางแถบเอเชียให้ความสนใจลูกพรุนมากขึ้นเนื่องจากคุณค่าทางอาหารและประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานลูกพรุน และผลิตภัณฑ์ต่างๆที่มาจากลูกพรุน

ลูกพรุน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Prunus domestica วงศ์ Rosaceae  ต้นกำเนิดอยู่ในจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และขึ้นได้ดีในอีกหลายประเทศ มีหลายสายพันธุ์ แต่หาซื้อได้ง่าย จะเป็นลูกพรุนสีแดงดำ เมื่อแห้งแล้วจะออกดำ รสชาติอมเปรี้ยวหอมหวานน่ารับประทาน

สรรพคุณของลูกพรุนมีหลายประการดังนี้

- ช่วยบำรุงตาเนื่องจากมี
1.วิตามินอี บำรุงตาในส่วนของจอรับภาพหรือ จอประสาทตา ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก นอกจากนี้ยังมี
2.วิตามินบี 2 ที่ช่วยบำรุงเส้นประสาทที่เลี้ยงลูกตา ช่วยเสริมประสิทธิภาพการมองเห็น และรรเทาอาการอ่อนล้าของสายตา และ
3.วิตามินเอ ช่วยป้องกันตาบอดกลางคืน (Night Blindness) เพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น และช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรคด้วย (ช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสงในตา เป็นต้น
- ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะเนื่องจากลูกพรุนมีวิตามินอีและแร่ธาตุที่ช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อยามเครียด
- ช่วยลดการอักเสบเจ็บปวดต่างๆ
- ช่วยลดปวดประจำเดือนได้เนื่องจากลูกพรุนมีแมกนีเซียมที่ช่วยคุมฮอร์โมนให้ปกติและช่วยบรรเทาอาการปวดได้แต่ต้องรับประทานก่อนปวดประจำเดือนประมาณ 1-2 วัน ฯลฯ

ลูกพรุน อุดมไปด้วยกากใยหรือไฟเบอร์สูงมาก มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย บรรเทาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เป็นประโยชน์ทำให้ขับถ่ายได้คล่อง อีกทั้งลูกพรุนยังช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

ลูกพรุน ช่วยบำรุงเลือดและช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยเฉพาะผู้ป่วยโลหิตจาง และสตรีมีครรภ์ เนื่องจากลูกพรุนมีธาตุเหล็ก แคลเซียมและวิตามินบี 2 ซึ่งธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าผู้หญิงนั้นในแต่ละเดือนต้องสูญเสียเลือดประจำเดือนไปเท่าไร ธาตุเหล็กจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่ขาดไม่ได้

ลูกพรุน มีส่วนช่วยในเรื่องกระดูก เนื่องจากมีผลการศึกษาพบว่าลูกพรุนมีส่วนช่วยให้กระดูกผุช้าลง จากการตรวจเลือดของสตรีที่รับประทานลูกพรุนแห้งวันละ 1 ขีดติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน พบว่ามีการสร้างกระดูกมากขึ้นได้อย่างชัดเจน

ลูกพรุน ให้ประโยชน์ที่เด่นมากอีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่วยชะลอความแก่เนื่องจากมีวิตามินซี และ วิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโดยจะช่วยทำให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง และมีอัตราการเกิดโรคมะเร็งน้อยลง มีส่วนช่วยในกระบวนการสังเคราะห์เม็ดเลือดแดง ช่วยให้ร่างกายต่อต้านแบคทีเรียได้ดียิ่งขึ้น

และในส่วนของวิตามินอีนั้น ก็ช่วยป้องกันการเกิดปฏิกิริยาของออกซิเจนที่ไม่สมบูรณ์ภายในร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของโลหิต ช่วยยืดอายุของเม็ดเลือดแดงทำให้ผิวพรรณเนียนนุ่มชุ่มชื่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร โดยกระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐอเมริกาได้เปรียบเทียบผลไม้ที่ช่วยชะลอความแก่จากมากไปหาน้อยพบว่า ลูกพรุนแห้ง จะช่วยชะลอความแก่ได้ดีที่สุดโดยสูงกว่า ลูกเกด บลูเบอรี่ ส้ม เกรปฟรุต แอปเปิ้ล ลูกแพร์ เป็นต้น

สรุปสารอาหารที่สำคัญในลูกพรุน คือ

- ไฟเบอร์ (Fiber)
- โปแตสเซียม (Potassium)
- สารต้นอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
- คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates)
- วิตามินซี (Vitamin C)
- วิตามินเอ (Vitamin A)
- วิตามินบี 6 (Vitamin B6)
- ธาตะเหล็ก (Iron)
- เพคติน (Pectin)
- สารอาหารอื่นๆ (Other Nutrients)
และยังมีสารอหารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ที่พบ ได้ในลูกพรุน คือ แร่ธาตุ ต่างๆ เช่น ทองแดง (copper) , แคลเซียม (calcium) ฟอสฟอรัส และ แมกนีเซียม (phosphorus and magnesium) เช่นเดียวกับ วิตามิน ต่างๆ เช่น วิตามินบี 1 (thiamine) , วิตามินบี 2 (riboflavin) , โฟเลต (folate) , วิตามินบี 3 (niacin) , วิตามินบี 5 (panthotenic acid) และ วิตามินบีรวม (vitamin b complex)

ข้อมูลเพิ่มเติม :

Dried plums are often called prunes. This fruit may be dehydrated in an oven or in the sun, and they resemble large, black raisins. The leathery skin and moist flesh provide nutritional benefits. Consult your physician before eating dried plums to correct medical issues.

Vitamin A

Consume a serving of dried plums, and you take in 27 percent of the daily recommended intake of vitamin A. This makes dried plums a good choice for eye health – vitamin A fosters good nighttime vision and protects the cornea. The vitamin A in this fruit is also helpful for the immune system in general. Research featured in a 2011 issue of “Vitamins and Hormones” reports that vitamin A may help trigger cell death in potentially dangerous cells.
Thanks English Info From : livestrong
http://www.livestrong.com/article/420197-what-are-the-benefits-of-dried-plums/?utm_source=livestrong_opar&utm_medium=3&LS-2659

ข้อมูลเพิ่มเติม :

Health Benefits of Prunes

Prunes are plums that have been dehydrated to preserve its nutrients longer. There are several health benefits of prunes, which provide excellent sources of fiber, vitamins and minerals and likewise help in the improvement of general well being.

Prunes are dried plums which are basically sweet, chewy, sticky and highly nutritious especially if it has no preservatives. Plums are dehydrated for the purpose preserving all its nutrients at a much longer time. There are therefore numerous health benefits of prunes.
Thanks English Information From : WEB-CLINIC.ORG
http://www.web-clinic.org/Benefits-Of-Prunes.html

ข้อมูลอ้างอิง

บทความรายการวิทยาศาสตร์เพื่อประชาชน : สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=5477
Prunes : The World's Healthiest Foods
http://www.whfoods.com/genpage.php?tname=foodspice&dbid=103
Prune From Wikipedia
http://en.wikipedia.org/wiki/Prune#Health_effects
What Are The Benefits Of Dried Plums? : livestrong
http://www.livestrong.com/article/420197-what-are-the-benefits-of-dried-plums/?utm_source=livestrong_opar&utm_medium=3&LS-2659
ข้อควรระวัง : สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยบูรพา
http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=5477
สารอาหารที่สำคัญในลูกพรุน : Web Clinic
http://www.web-clinic.org/Benefits-Of-Prunes.html
Vitamin Bible by Dr. Earl Mindell R.PH., M.PH., PH.D
ข้อควรระวัง : giffarinethailand
http://www.giffarinethailand.com/th/interesting_info.php?nid=103
มารู้จักลูกพรุนกันเถอะ : มีคำตอบ - กูรู
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=032466abe2e883ef

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของลูกพลับญี่ปุ่น Health Benefits Japanese Persimmon by LASIK HEALTHY EYE

ขอบคุณภาพประกอบจาก Persimmon_Kaki_Fruit thai.alibaba.com
ประโยชน์ของลูกพลับญี่ปุ่น 
Health Benefits Japanese Persimmon

ลูกพลับ (Persimmon)

พลับ หรือ ลูกพลับ ชื่อวิยาศาสตร์ Diospyros kaki   L. ชื่อวงศ์ EBENACEAE ชื่อเรียกอื่น Kaki, Japonese persimmon, Persimmon, Chinese date plum

- ลักษณะ ไม้ต้น ผลัดใบ สูงได้ถึง ๑๐ เมตร ใบสีเขียวเข้มรูปหัวใจ ดอกคล้ายระฆัง ขนาด ๒ - ๒.๕ ซม. สีขาวถึงเหลือง ผลรูปร่างคล้ายลูกเต๋า ขนาดประมาณ ๕ ซม. มีกลีบเลี้ยงติดคงทน เมื่อสุกมีสีเหลืองอมส้ม
- การกระจายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน
- ประโยชน์ เป็นผลไม้รับประทานได้ มีรสชาติหวาน
(แหล่งข้อมูล หนังสือพรรณไม้ในโครงการหลวงอ่างขาง)

ลูกพลับ สามารถจำแนกตามรสชาติได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 

- ลูกพลับหวาน เช่น พันธุ์ฟูยุ (รสหวาน ผลสุกสีส้มอมเหลือง สามารถรับประทานสดๆได้)
- ลูกพลับฝาด เช่น พันธุ์ซิชู พันธุ์ฮาชิยา (รสฝาด เนื้อนิ่ม ผลสุกเนื้อสีส้มอมแดง ต้องนำมาผ่านกระบวนการลดความฝาดก่อนถึงจะรับประทานได้)

พลับ (Persimmon) หรือ ลูกพลับ เป็นผลไม้สีเหลืองถึงแดง เป็นพืชในสกุล Diospyros ซึ่งมีอยู่หลายสปีชีส์ด้วยกัน สปีชีส์ที่นิยมปลูกในประเทศไทยมากที่สุดคือ D.kaki ญี่ปุ่นเรียกว่าคาขิ ถิ่นกำเนิดอยู่ในภาคเหนือของจีน มีการรับประทานพลับตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นและถือเป็นผลไม้ที่มีคุณค่า ต่อมาได้กระจายพันธุ์เข้าไปในญี่ปุ่น และกลายเป็นผลไม้ยอดนิยม พลับพันธุ์ที่นิยมปลูกในยุโรปเป็นสปีชีส์ D. virginia ซึ่งนำพันธุ์มาจากสหรัฐอเมริกา

ลูกพลับ สปีชี่ที่นิยมปลูกในประเทศไทยมากที่สุด ก็คือ สปีชีส์ Diospyros kaki (ญี่ปุ่นจะเรียกว่า “คาขิ”) หรือ พลับจีน (D.KAKI) มีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของจีนและนิยมปลูกในญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศไทย

ประโยชน์ทางโภชนาการของลูกพลับ

- ลูกพลับ มีคุณสมบัติพิเศษคือมีฤทธิ์เย็น
- ลูกพลับ อุดมด้วยวิตามินเอและวิตามินซี กินได้ทั้งแบบสดและตากแห้ง ประโยชน์ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ป้องกันต้อกระจก ตาฟาง
- ลูกพลับเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีและไขมันต่ำ และยังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก
- ลูกพลับมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ซึ่งช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ฯลฯ

สำหรับชาวจีนแล้วผลไม้อย่างลูกพลับเป็นที่นิมยมในการรับประทานอย่างมาก และถือว่าลูกพลับเป็นผลไม้มงคลที่แสดงถึงความมั่งมีศรีสุข เนื่องจากเปลือกของลูกพลับเมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองทองราวกับทองคำ จึงเปรียบได้ดั่งผลไม้จากสรวงสวรรค์นั่นเอง และลูกพลับยังเป็นที่นิยมนำมาเป็นของขวัญตามเทศกาลต่างๆอีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานลูกพลับวันละ 1 ผลจะมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก

คุณค่าทางโภชนาการของลูกพลับ (สายพันธุ์ D.kaki) ต่อ 100 กรัม

- พลังงาน 293 กิโลแคลอรีลูกพลับ
- คาร์โบไฮเดรต 18.59 กรัม
- น้ำตาล 12.53 กรัม
- เส้นใย 3.6 กรัม
- ไขมัน 0.19 กรัม
- โปรตีน 0.58 กรัม
- วิตามินเอ 81 ไมโครกรัม 10%
- เบต้าแคโรทีน 253 ไมโครกรัม 2%
- ลูทีน และ ซีแซนทีน 834 ไมโครกรัม
- วิตามินบี1 0.03 มิลลิกรัม 3%
- วิตามินบี2 0.02 มิลลิกรัม 2%
- วิตามินบี3 0.1 มิลลิกรัม 1%
- วิตามินบี6 0.1 มิลลิกรัม 8%
- วิตามินบี9 8 ไมโครกรัม 2%
- โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%พลับ
- วิตามินซี 7.5 มิลลิกรัม 9%
- วิตามินอี 7.5 มิลลิกรัม 5%
- วิตามินเค 2.6 ไมโครกรัม 2%
- ธาตุแคลเซียม 8 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุเหล็ก 0.15 มิลลิกรัม 1%
- ธาตุแมกนีเซียม 9 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุแมงกานีส 0.355 มิลลิกรัม 17%
- ธาตุฟอสฟอรัส 17 มิลลิกรัม 2%
- ธาตุโพแทสเซียม 161 มิลลิกรัม 3%
- ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม 0%
- ธาตุสังกะสี 0.11 มิลลิกรัม 1%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่
(ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)

Nutrition Information On Japanese Persimmon.

Basic Nutrient Values

According to the California Department of Public Health, one medium-sized Japanese persimmon provides 118 calories, 0 g of fat, 1 g of protein, 31 g of carbohydrates, 6 g of dietary fiber and 2 mg of sodium. This fruit is rich in vitamins A and C. One fruit provides 2,733 International Units, or 55 percent, of the recommended daily value (DV) for vitamin A and 12.8 mg, or 21 percent, of the DV for vitamin C. Japanese persimmons are also high in manganese, a trace mineral, meeting 30 percent of the DV in one whole fruit.

Vitamins A and C

Vitamin A is important for healthy eyesight and support of the immune system. It also promotes normal reproductive function and is needed for manufacturing cells that line the digestive tract. Vitamin C also supports immune system function, according to the Colorado State University Extension. Both vitamins A and C are antioxidants. Antioxidants protect and repair the body's cells from damage caused by free radicals, which are by-products created when our cells use oxygen. Vitamin C helps with the production of collagen, which acts like "cement" to hold together ligaments and tendons. Finally, Vitamin C is essential for healthy gums, aids in wound healing and enhances iron absorption."
Thanks English Info From : livestrong : Michele Turcotte, MS, RD 
http://buff.ly/1aopydF

ข้อมูลอ้างอิง/แหล่งข้อมูล

พลับ (Persimmon) Kaki : th.wikipedia.org
http://buff.ly/1aool6g
คุณค่าทางโภชนาการของลูกพลับ (สายพันธุ์ D.kaki) : greenerald
http://buff.ly/1aootTd
Kaki fruit - Botanical
http://www.botanical-online.com/english/kakifruit.htm
VITAMINS A AND C : livestrong
http://buff.ly/1aopydF
BGO Plant Database, The Botanical Garden Organization
http://buff.ly/16BIatu
Special Precautions & Warnings : webmd
http://buff.ly/HoAbEm
Persimmon From : Wikipedia
http://buff.ly/16BKRvj
ขอบคุณภาพประกอบจาก Persimmon_Kaki_Fruit thai.alibaba.com

คำแนะนำ : สำหรับผู้ที่มีอาการไข้ หรือเป็นหวัด ถ่ายบ่อย หรือม้ามและกระเพาะไม่ค่อยแข็งแรงไม่ควรรับประทานลูกพลับ และสำหรับลูกพลับหวานควรระวังสารโซเดียมไซคลาเมต (Sodium Cyclamate) และสารซัคคาริน (Saccharin)

แหล่งอ้างอิง : หนังสือผลไม้ 111 ชนิด คุณค่าอาหารและการกิน (ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์, นิดดา หงษ์วิวัฒน์), หนังสือสมุนไพร 91 ชนิดพิชิตโรค ชุดตำรายาล้ำค่าของหมอโฮจุน, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN)

Special Precautions & Warnings:

Pregnancy and breast-feeding: Not enough is known about the use of Japanese persimmon during pregnancy and breast-feeding. Stay on the safe side and avoid use.

Low blood pressure: Japanese persimmon might lower blood pressure. There is some concern that it might make low blood pressure worse or interfere with treatment intended to raise low blood pressure.

Surgery: Japanese persimmon might lower blood pressure. Some surgeons worry that Japanese persimmon might interfere with blood pressure control during and after surgery. Stop using Japanese persimmon at least 2 weeks before a scheduled surgery.
Thanks Information From : webmd
http://buff.ly/HoAbEm

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288

email : hkvoguethailand@gmail.com

วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผักบุ้งบำรุงสายตา Health Benefits of Morning Glory

ขอบคุณภาพประกอบจาก blog.seasonwithspice.com
ผักบุ้งบำรุงสายตา
Health Benefits of Morning Glory

ผักบุ้ง (Morning Glory) มีสารที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นวิตามิน A ที่เรียกว่า เบต้า - แคโรทีนมาก และวิตามิน A นี้เองที่เป็นสารที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ดวงตามีน้ำหล่อเลี้ยงให้ตาเป็นประกาย

และยังช่วยแก้ตาฟางหรือตาบอดกลางคืนได้ ช่วยให้หายแสบตาจากอาการตาแห้ง และลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตามากๆ และผักบุ้งไมได้มีแต่วิตามิน A เท่านั้น ยังมีวิตามิน C อีกด้วย แต่ถ้าต้องการได้รับวิตามิน C จากผักบุ้ง ต้องทานเป็นผักบุ้งดิบ ทั้งวิตามิน A และวิตามิน C รวมถึงเบต้า - แคโรทีน เป็นวิตามินที่ช่วยป้องกันมะเร็งได้ด้วย

นอกจากนี้ในผักบุ้งยังมีเกลือแร่ มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงเลือด อีกทั้งแคลเซียม และฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูก รวมถึงมีเส้นใยอาหารช่วยในการขับถ่ายอีกด้วย และในผักบุ้งมีสารชนิดหนึ่งที่มีโครงสร้างคล้ายอินซูลินที่สามารถลดน้ำตาลในกระแสเลือดสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน และผักบุ้งเป็นผักที่มีฤทธิ์เย็นจึงช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้ และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของผักบุ้งที่ไม่ค่อยมีใครรู้ก็คือ ผักบุ้งเป็นหนึ่งในตำรายาไทย คือถือเป็นยาเย็นแก้ถอนพิษเมื่อมีอาการเมาอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการ
สสส.http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/18469
ขอบคุณภาพประกอบจาก blog.seasonwithspice.com


"ผักบุ้ง" (Morning Glory)  บำรุงสายตา อุดมวิตามินเอ-เบต้าแคโรทีนสูง แก้ตาฟาง ลดอาการปวดกระบอกตาในกรณีที่ใช้สายตาเป็นเวลานาน และช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง"

Morning Glory

Antioxident-rich vegetables should be part of any healthy eating plan and they are also full of vitamins, dietary fiber and minerals. Regularly eating vegetables can reduce your risk of macular degeneration, obesity and certain cancers, Harvard University School of Public Health notes. Morning glory is a stir fried Thai classic containing garlic, oyster sauce and the green leafy vegetable morning glory. People that regularly consume green leafy vegetables have a significantly lower risk of developing type 2 diabetes, ScienceDaily reports
Thanks Eng. Info : livestrong.com
http://buff.ly/1bO5oeS

SPECIAL TIPS FOR YOU

Vegetable Stir Fry Recipe

Thai-Style Stir-Fry Vegetables

This vegetable recipe is simple and straightforward. Reduce the oil if you prefer, but the oil adds a more substantial flavor. Water helps to cook the vegetables. A little sugar is also a nice addition, off-setting the saltiness of the sauces.

Ingredients

- Approx. 2 cups of cut up green vegetables (i.e. water spinach, Chinese cabbage, broccoli, etc. cut 1 1/2 by 1 1/2 inch pieces)
- 2-3 cloves of garlic (, smashed with the side of a cleaver or knife
- 3 tblsp canola or other vegetable oil
- 1 tblsp of fish sauce (Golden Boy brand is preferred)
(For Vegetarian : fish sauce is usually substituted by a Light (thin) Soy Sauce. )
- 2 tblsp of Thai soy sauce (Healthy Boy brand is preferred)
- 2 tblsp of Thai oyster sauce or yellow bean sauce
( For Vegetarian : Oyster sauce is usually substituted by a Soy Sauce with Mushroom from Healthy Boy Brand.)
- 1/3 tsp sugar
- 1/4 cup water

Preparation

Heat oil until hot, over medium-high heat (not smoking though). Add the garlic (For Vegetarian : Garlic instead with sesame roasted.). Immediately, add the cut up vegetables. Cook, stirring constantly until cooked slightly, approximately 2 minutes, depending on the vegetable.
Add fish sauce, soy sauce, and oyster sauce. Add water and sugar.
Continue to stir fry until the vegetable is cooked through. Approximately another 1 to 1 1/2 minutes, so the vegetable is still somewhat firm. Remove from heat.
Serves 2-4.
Thanks Recipe Info From : Temple of Thai
http://buff.ly/1bOcFvc

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ทางโภชนาการของเกรปฟรุต Nutritional Benefits of Grapefruits

ขอบคุณภาพประกอบจาก : texasweet.com
ประโยชน์ทางโภชนาการของเกรปฟรุต
Nutritional Benefits of Grapefruits fruit.

เกรปฟรุต (Grapefruits)

เกรปฟรุต (Grapefruits) เป็นไม้ผลกึ่งเขตร้อนในสกุล Citrus ที่เพาะปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวผล ซึ่งแต่เดิมเคยเรียกว่า ผลไม้ต้องห้ามแห่งบาร์เบโดส

เกรปฟรุต ภาษาอังกฤษ Grapefruit เป็นผลไม้กึ่งเขตร้อนที่จัดอยู่ในสกุลส้ม (Citrus) เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยวถึงเปรี้ยวจัด มีรสฝาดปนๆนิดๆ

ปกติแล้วไม้ไม่ผลัดใบชนิดนี้จะพบว่าสูงประมาณ 5-6 เมตร แต่ความจริงแล้วสามารถสูงได้ถึง 13-15 เมตร ใบมีสีเขียวเข้ม รูปร่างยาว (มากกว่า 15 เซนติเมตร) และผอม ดอกมี 4 กลีบ สีขาว ขนาด 5 เซนติเมตร ผลมีเปลือกสีเหลือง รูปกลมแป้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-15 เซนติเมตร เนื้อผลแบ่งเป็นกลีบ สีเหลืองแบบกรด

ผลเป็นที่นิยมตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนหน้านั้นเพียงแต่ปลูกเป็นไม้ประดับ สหรัฐอเมริกากลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ มีสวนอยู่ในฟลอริดา เท็กซัส แอริโซนา และแคลิฟอร์เนีย ในภาษาสเปน ผลไม้ชนิดนี้รู้จักในชื่อว่า Toronja หรือ Pomelo

ประโยชน์ของเกรปฟรุต

เกรปฟรุต (Grapefruits) เป็นผลไม้ตระกูลส้ม มีวิตามินซี ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

สารต่อต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุต มีประสิทธิภาพในการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
การดื่มน้ำเกรปฟรุตจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้า เมื่อยล้า

คำเตือน : การรับประทานหรือดื่มน้ำเกรปฟรุตร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยารักษามะเร็ง ยาลดระดับคอเลสเตอรอล ยาลดความเลือด ยาที่ใช้เพื่อกดระบบภูมิต้านทาน เป็นต้น (สถาบันวิจัยสุขภาพลอว์สันจากมหาวิทยาลัยเวสต์เทิร์น ออนตาริโอ ประเทศแคนาดา ระบุว่ายาที่มีผลข้างเคียงต่อเกรปฟรุต มีตัวยามากกว่า 43 ชนิด) อาจส่งผลให้เกิดอาการ Overdose หรือ ปริมาณยาที่มากเกินไปได้

เนื่องจากน้ำผลไม้ดังกล่าวมีฤทธิ์ทำให้ตัวยาที่รับประทานเข้าไปไม่แตกตัวในลำไส้และตับ ซึ่งหมายความว่าจะมีปริมาณยาจำนวนมากที่ไม่ถูกดูดซึมผ่านระบบการย่อยอาหารที่สะสมในเลือด เกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว ดังนั้นหากคุณกำลังรับประทานยาอะไรอยู่ก็ตาม ก่อนการรับประทานเกรปฟรุตคุณควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน

ข้อมูลเพิ่มเติม :

ผลไม้ตระกูลส้ม วิตามินซีที่พบได้ในผักและผล เช่น ส้ม มะเขือเทศ และพริกหวาน นั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก อีกทั้งช่วยในการไหลเวียนเลือดในดวงตา วิตามินซีในส้มยังสามารถช่วยป้องกันโรคหวัดและนอกจากนี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย

ผลไม้ในตระกูลส้มมีอีกมากมาย เช่น เกรปฟรุต ส้มโอ (Pummelos) เนื้อสีขาว เนื้อสีแดงหรือเนื้อสีชมพู  ส้มเกลี้ยง ส้มเขียวหวาน ส้มโชกุน ส้มแก้ว มะกรูด (Aegle marmelos) มะขวิด (Feronia limonia) เป็นต้น

Benefits of Eating Grapefruit

Grapefruit is not only a refreshing way to start your day, it is a nutrient-dense food. An entire medium grapefruit has a minimal 40 calories, while offering lots of antioxidants and other nutrients that protect your body. Opt for whole grapefruit, rather than grapefruit juice. Although juice still provides nutrients, you'll miss out on all of the beneficial fiber.

Vision

You help protect your eyes when you eat grapefruit, because it is high in vitamin A. Women need 700 micrograms of vitamin A each day and men require 900 micrograms, reports the Office of Dietary Supplements. One medium 4-inch grapefruit has approximately 60 micrograms of vitamin A.

Grapefruit also has beta-carotene, lycopene, lutein and zeaxanthin. These phytochemicals are compounds of vitamin A that protect eye health and lower your risk of age-related macular degeneration, which leads to vision loss.

A Few Words of Warning: Despite all of these health benefits, and the fact that sometimes grapefruits can be superior to other medicines in their efficacy, you must be very careful taking medicine and consuming grapefruit juice at the same time.

Certain chemicals in grapefruits, like naringin, and other less common compounds can negatively interact with various drugs and cause damage to your organ systems. Be sure to consult your doctor in terms of drug interactions with grapefruit juice in your diet before beginning any new treatments! You want to improve your health, but sometimes doing it in too many different ways can hurt you!

ข้อมูลอ้างอิง

เกรปฟรุต - วิกิพีเดีย
http://goo.gl/lXbZjY

คำเตือน : กรีนเนอรัลด์ ดอทคอม
http://goo.gl/DdXIOl

Benefits of Eating Grapefruit and Vision : SFGate
http://healthyeating.sfgate.com/benefits-eating-grapefruit-4402.html

A Few Words of Warning : Organic Information Services
http://www.organicfacts.net/health-benefits/fruit/health-benefits-of-grapefruit.html

ขอบคุณภาพประกอบจาก : texasweet.com

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

ประโยชน์ของผักสีขาว Benefits of white vegetables

ขอบคุณภาพประกอบจาก kitchen-appqred
ประโยชน์ของผักสีขาว 
Benefits of White Vegetables

ข้อดีของ “ผักสีขาว” มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ

เป็นที่ทราบกันดีว่า “สีขาว” แม้จะไม่ได้เป็น 1 ใน 7 ของสีรุ้ง แต่เป็นการรวม 7 สีของสีรุ้งเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นสีขาว

สำหรับผักผลไม้ที่มีสีขาว สีชา และสีน้ำตาล เกิดจากสารให้สีในกลุ่มของ ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เช่น
- แอนโธซานติน (เหลืองนวล)
- แทนนิน (ไม่มีสี) ซึ่งฟลาโวนอยด์มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง

นอกจากนั้นผักกลุ่มนี้ยังมีสารประกอบหลายชนิดที่นักวิจัยทั่วโลกให้ความสนใจ เช่น

ในกระเทียม หัวหอม มีสารอัลลิซิน (allicin) ซึ่งช่วยป้องกันโลหิตสูง ลดคลอเลสเตอรอล อีกทั้งยังป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบ

สารอัลลิซิน ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและเนื้องอก ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ในการทำลายพิษช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือด และยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

ในเมล็ดงามีสารเซซามิน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มปริมาณวิตามินอีในร่างกาย รวมทั้งในงานวิจัยยังพบว่าสามารถลดไขมันในกระแสเลือดและคลอเรสเตอรอลในเลือดได้

ผักสีขาวที่เราสามรถเลือกรับประทานมีดังนี้

ดอกกะหล่ำ กระเทียม ต้นกระเทียม ขิง ข่า ขึ้นฉ่าย เห็ดฟาง เห็ดเข็มทอง หอมหัวใหญ่ ต้นหอม มันฝรั่ง หัวไชเท้า ดอกแคขาว ผักกาดขาว หางหงส์ ขมิ้นขาว หัวปลี ถั่วงอก กุยช่ายขาว ยอดมะพร้าว งาขาว ลูกเดือย จมูกข้าวสาลี มะละกอดิบ เห็ดสีขาว มะเขือเปราะ เซเลอรี่ (ขึ้นฉ่ายฝรั่ง) เห็ด แครอทสีขาว หน่อไม้ฝรั่งสีขาว ฟักทองญี่ปุนสีขาว ฯลฯ

ส่วนผลไม้ที่มีสีขาว เช่น

แอปเปิ้ล สาลี่ มันแกว ฝรั่ง เนื้อมังคุด แก้วมังกร เงาะ ลิ้นจี่ กระท้อน พุทรา แก้วมังกร  ลำไย กล้วย เป็นต้น

ควรรับประทานผักให้ครบทุกกลุ่มโดยใช้สีของผักเป็นตัวช่วย  เพราะผักแต่ละชนิดแต่ละสีมีประโยชน์ต่อร่างกายต่างกัน ประกอบด้วยสีเขียว ม่วง ฟ้า เหลือง ส้ม แดง และขาว

ประโยชน์จากผักผลไม้สีขาว

ผักผลไม้สีขาว อุดมไปด้วย

- สารอัลลิซิน (Allicin)
- อะโจอีน (Ajoene) และ
- เอสอะลีนวิติน (S-allylcysteine) ช่วยรักษาระดับคอเรสตอรอลในเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และยังมี
- วิตามินซี สารเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงผิวพรรณและป้องกันหวัด อีกทั้งด้านการแข็งตัวของเลือดและต้านจุลินทรีย์ เช่น

แอปเปิ้ล ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสียหายของเซลล์และอวัยวะในร่างกาย

ขิงและข่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยดูแลความดันเลือด และป้องกันโรคหัวใจหลอดเลือดอุดตัน เป็นต้น

ผักสีขาวและน้ำตาล

ผักสีขาวและน้ำตาล ให้สารพวกอัลลิซิน สารชนิดนี้ พบมากในกระเทียม พืชสมุนไพรที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใช้เพิ่มกลิ่นและรสชาติของอาหาร ช่วยให้หัวใจดี รักษาระดับโคเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน มีคุณสมบัติเป็นยาขับลม รักษาอาการแน่นจุกเสียด ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา แม้เราจะรู้ว่าสารอัลลิซิน มีมากในกระเทียม แต่สารชนิดนี้สลายไปได้ง่าย แม้เพียงแค่สับกระเทียมทิ้งไว้ จึงต้องรับประทานกันสดๆจริงๆ ผักผลไม้ในกลุ่มสีขาวนี้ ยังได้แก่ หัวหอม ดอกแค ถั่วงอก เห็ด เงาะ ฝรั่ง ลิ้นจี่ กระท้อน มังคุด น้อยหน่า แห้ว งา ลูกเดือย

Tips for Healthy Meal

ถึงจะทราบกันแล้วว่า ผักผลไม้ดีกับสุขภาพ แต่หลายคนยังไม่ค่อยทานผักผลไม้กันเท่าไหร่ จึงมีเทคนิคมาแนะนำ ช่วยให้คุณเพิ่มปริมาณการกินผักผลไม้ในแต่ละวัน

เพิ่มผักในทุกเมนูหรือจะเพิ่มเมนูอุดมผัก เมนูไทย ๆ ประเภทผัดไท ผัดเปรี้ยวหวาน ขนมจีนน้ำยา แกงส้มผักรวม สารพัดน้ำพริกผักจิ้ม เมนูอาหารปักษ์ใต้ก็เป็นเมนูอุดมผัก หรือจะเปลี่ยนไปชิมอาหารเวียดนามนอกบ้านบ้าง

เพิ่มการดื่มน้ำผลไม้ ตื่นเช้ามาดื่มน้ำผลไม้สดปลอดน้ำตาลสักแก้ว เพิ่มความสดชื่นได้ดี หากเป็นน้ำผลไม้ที่มีโปแตสเซียมสูง ๆ ยิ่งเพิ่มความสดชื่นให้กับการทำงานของสมอง ควรแทนที่ชา กาแฟ น้ำหวาน น้ำอัดลมที่ดื่มประจำด้วยน้ำผลไม้ และพยายามทำให้เป็นนิสัย

มื้อว่าง ของหวานเปลี่ยนจากเมนูแป้ง น้ำตาล ไขมันมาเป็นเมนูผลไม้ เช่น ผลไม้สด ๆ สับเปลี่ยนชนิดไป หรือโยเกิร์ตผสมผลไม้ เต้าฮวยฟรุตสลัด ผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด ลูกพรุน พรุทรา ก็ทำให้ได้รสชาติหวานสดชื่นได้เช่นกัน

White :

White fruits and vegetables derive their color from the phytochemicals called “anthoxanthins”.

Health benefits: Many white fruits and vegetables also contain the chemical allicin, which may help lower cholesterol and blood pressure as well as reduce the risk of stomach cancer and heart disease.

Other reasons to eat white fruits and veggies:

- Some members of the white group, such as bananas and potatoes, are also a good source of potassium, which is important for the healthy functioning of our heart, kidneys and other vital organs.

Examples: Bananas, cauliflower, garlic, ginger, jicama, mushrooms, onions, parsnips, potatoes, turnips.

Thanks Eng. info : Gentle World
http://gentleworld.org/phytochemicals-eating-from-the-rainbow/

ข้อมูลอ้างอิง

ประโยชน์จากผักผลไม้สีขาว wellnessthai.net
http://goo.gl/7xUgoW

ผักสีขาวและน้ำตาล thaigoodview.com
http://www.thaigoodview.com/node/157338

สารสีขาว-น้ำตาล lovefitt.com
http://goo.gl/mqDd5l

Tips ruksukaphab.com
http://www.ruksukaphab.com/articles/41988089/health/fruits_vegetables.html

"HkVogue Thailand" http://buff.ly/1GR2YNk
Contact : Willy Tel. 093 649 2288
email : hkvoguethailand@gmail.com

วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ทางโภชนาการของดอกอัญชัน Nutritional Benefits of Butterfly Pea or Blue Pea Flowers (Anchan)

อัญชัน Asian Pigeonwing
Butterfly pea or Blue pea

อัญชัน (อังกฤษ: Asian pigeonwings; ชื่อวิทยาศาสตร์: Clitoria ternatea L.) เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือ แดงชัน (เชียงใหม่) และเอื้องชัน,เองชัญ (เหนือ) เมื่อคั้นออกมาจะได้เป็นสีฟ้า ลักษณะของดอกอัญชันจะมีสีขาว สีฟ้า สีม่วง ส่วนตรงกลางดอกจะมีสีเหลือง และรูปทรงคล้ายหอยเชลล์

วิธีนำดอกอัญชัน (Butterfly pea or Blue pea) มาใช้ประโยชน์

สีจากกลีบดอกสดมีสีน้ำเงินด้วยสารแอนโทไซอานิน ใช้เป็นสารบ่งชี้ (indicator) แทนลิตมัส (lithmus)เมื่อเติมน้ำมะนาว (กรด) ลงไปเล็กน้อยจะกลายเป็นสีม่วง

- ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร มีความปลอดภัยต่อร่างกายเพิ่มสีสันให้สดสวย หุงข้าวสวย ข้าวเหนียว ผสมแต่งสีในขนมหวานไทย ๆ เช่น ขนมเรไร ขนมน้ำดอกไม้ ขนมขี้หนู ขนมชั้น ขนมดอกอัญชัน ข้าวเหนียวตัด ใช้แต่งสีอาหารเช่น หุงข้าวผสมสีจากน้ำคั้นดอกอัญชัญได้สีน้ำเงินม่วงสวย รับประทานเป็นข้าวยำปักษ์ไต้ เป็นต้น

- น้ำคั้นจากดอกอัญชัน ใช้ดื่มดับกระหาย และยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมภูมิต้านทานได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นให้ดียิ่งขึ้น

ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากดอกอัญชัน

ดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน(สารรงควัตถุ ที่ทำให้มีสี) ซึ่งสารนี้จะพบในผลไม้และดอกไม้ที่มีสีน้ำเงิน  สีแดง และสีม่วง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยที่พืชจะสร้างสารนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันดอกและผลของตัวเอง โดยป้องกันอันตรายจากแสงแดด สารแอนโธไซยานิน มีคุณสมบัติช่วยชะลอความชรา โดย ป้องกันความจำเสื่อม ผิวพรรณหน้าตา เพราะมีผลในการเพิ่มปริมาณสาร อะซิตี้โกลีน และลดปริมาณสารอะซิตี้โกลีนแอสเตอเลส (ซึ่งหากมีสารตัวนี้มากจะทำให้ความจำเสื่อม)

สารแอนโธไซยานิน มีอยู่มากในดอกอัญชันมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น เนื่องจากสารตัวนี้ จะไปเพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็กๆ เช่น หลอดเลือดส่วนปลายทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้น เพราะมีเลือดไหลเวียนมาเลี้ยงมากขึ้น ในขณะนี้ ก็มีการศึกษาวิจัยทางคลินิก เกี่ยวกับ และความสามารถของ"สารแอนโธไซยานิน" ที่มีอยู่ในดอกอัญชันยังเข้าไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของดวงตา เช่น ตาเสื่อมที่เกิดจากโรคเบาหวาน โรคต้อหิน โรคต้อกระจก และยังทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมมากขึ้น ทำให้เซลล์รากผมแข็งแรงขึ้นอีกด้วย

ใน ดอก เมล็ด ใบ และรากของอัญชันยังมีสารต่าง ๆ ที่สำคัญ อีก ดังนี้
สารอดีโนซีน (adenosine) มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
สารแอสตรากาลิน (astragalin) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดภาวะการแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
สารเคอร์เซติน (quercetin)  เป็นสารที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจ

นอกจากนี้ยังมี
สารแอฟเซลิน (afzelin)
สารอปาราจิติน (aparajitin)
กรดอราไชดิก (arachidic acid)
กรดชินนามิกไฮดรอกซี (cinnamic acid, 4-hydroxy)
และสารซิโตสเตอรอล เป็นต้น

พืชที่มีแอนโธไซยานินมักพบสารกลุ่มโพลีฟีนอลด้วย สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยชะลอสภาวะเสื่อมของเซลล์

อาหารที่มีสีน้ำเงิน/สีม่วง ได้แก่ กะหล่ำปลีม่วง มันสีม่วง องุ่นแดง ชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่แดงอื่นๆ ลูกหว้า ลูกไหน ลูกพรุน ลูกเกด ข้าวแดง ข้าวนิล ข้าวเหนียวดำ ถั่วแดงและถั่วดำ มะเขือม่วง หอมแดง หอมหัวใหญ่สีม่วง บลูเบอร์รี่ น้ำดอกอัญชัน น้ำว่านกาบหอย มันต้มสีม่วง และเผือก

ข้อควรระวัง

การบรรยายของท่านรองศาสตราจารย์พร้อมจิต ศรลัมพ์ จากคณะเภชสัชศาสตร์ มหิดล ร่วมบรรยายสรรพคุณของเครื่องปรุง
ดอกอัญชัน : บำรุงดวงตา ทำให้ตาสว่างที่มหิดล ท่านบอกว่า อย่าให้น้ำอัญชันสีเข้มเกินไป เพราะจะทำให้ไตนั้นทำงานหนัก ในการขับสารสีจากอัญชันออกมา หากต้องการน้ำดอกอัญชันสีม่วง ให้เพิ่มน้ำมะนาวลงไป 2 ช้อนชา

เนื่องจากดอกอัญชันนั้นมีในการฤทธิ์ละลายลิ่มเลือด สำหรับผู้มีเลือดจางห้ามรับประทานดอกอัญชันเด็ดขาด หรืออาหารเครื่องดื่มที่ย้อมสีด้วยอัญชันก็ไม่ควรรับประทานบ่อยๆ

ข้อมูลอ้างอิง

- อัญชัน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://goo.gl/csBLkN
- Greenerald Cosmetics
http://goo.gl/M9xcGD
- แอนโธไซยานิน student.chula
http://www.student.chula.ac.th/~53371125/board.html
- Thai Herb Therapy
http://thaiherbtherapy.com/Herbs/Herb_Aunchan.html
- กินให้เป็นรู้ให้ทัน ครั้งที่ 5/2550 งานโภชนาการ - CoP Webboard
วันพุธที่ 19 กันยายน 2550
http://medinfo.psu.ac.th/KM/copboard/view.php?No=41
- ส่วนที่ใช้ ดอก เมล็ด ใบ ราก และสารประกอบ L3nr - Learners.in.th
http://goo.gl/Y1H3vB

Butterfly Pea Tea Thai 'Anchan' wild blue herbal flower tea (Proanthocyanidins)
Clitoria ternatea

Butterfly Pea is an ancient Thai herbal plant. Its flower has three different colors white, blue, and purple. Not only beautiful, Butterfly Pea first gained its reputation as a powerful hair strengthener in the traditional Thai medicine. leaves, flowers, seeds, and roots are all used as medicinal herbs. According to Thai culture & folklore, butterfly pea flowers are squeezed to make Anchan tea, and as a coloring forThai desserts in blue and purple colors.

It also provides anthocyanin to improve eyesight, treat opthalmitis and eye infections, nourish hair, provide antioxidants and boost body immunity. Many health & beauty products are derived from this flower because of the positive effects of the flavanoid, Quercetin has on skin & hair. The hot or cold tea is extremely thirst quenching and relaxing.

Anthocyanins are highly concentrated in the deep blue pigments of wild Butterfly Pea, which contain higher levels of anthocyanins than many other foods. They belong to a group of natural compounds, called flavonoids, found in the skins of many plants that have high antioxidant capacity and other bioactivity.
Researchers focused on the relationship between anthocyanin consumption and type 2 diabetes by examining data from over 200,000 men and women participating in long-term health studies.

In the study, they found that higher consumption of anthocyanins was associated with lower risk of type 2 diabetes, possibly due to their high content of anthocyanins, said Walter Willett, MD, DrPH, Professor of Epidemiology and Nutrition at Harvard School of Public Health and the studys lead author.

Proanthocyanidin with its high content of the flavonol quercetin improves eyesight, treat opthalmitis & eye infections, nourishes hair & skin, provides antioxidants and boosts body immunity. Clinical research in butterfly pea indicates that it has potential health effects against eye degeneration caused by diabetes, glaucoma, cataract and other eye related problems. It is said that the butterfly pea flower is one of the most valuable natural herbal plants in Thailand.

Benefits: Natural anti-oxidant, improves blood circulation. helps prevent hair loss and graying hair. Cleanses blood, & improves night vision, revitalizes skin & hair
Eng. info:Siam Natural
http://www.paradisemoon.com/herbal/Siam-Natural_Butterfly_Pea.htm

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สาลี่ผลไม้เพื่อสุขภาพ Health Benefits of Asian Pears

สาลี่ผลไม้เพื่อสุขภาพ 
Health Benefits of Asian Pears

สาลี่ ภาษาอังกฤษ Asian pear, Chinese pear, Nashi pear, Korean pear, Japanese pear, Taiwan pear, Sand pear มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pyrus pyrifolia (Burm.) Nak. เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในวงศ์ Rosaceae โดยมีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันตกของจีน

ลักษณะของต้นสาลี่ เป็นไม้ยืนต้น ทรงคล้ายพีระมิด ส่วนลักษณะของดอกมีสีขาวออกเป็นช่อ และลักษณะของผลสาลี่ หรือลูกสาลี่ มีลักษณะคล้ายผลแอปเปิ้ล มีหลายสี ตั้งแต่สีเหลือง เขียว แดงอมส้มและน้ำตาล โดยเนื้อสาลี่จะมีลักษณะกรอบและฉ่ำน้ำ (แต่บางสายพันธุ์จะเป็นเนื้อทราย) มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อมีกลิ่นหอม มีเมล็ดขนาดเล็กลักษณะแบนรีสีดำหรือสีน้ำตาลออกดำ

สาลี่ / Asian Pear

- สาลี่มีฤทธิ์เย็น รสหวานหอม จึงใช้รักษาผู้ที่มีอาการร้อนใน
- สาลี่มีน้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ จึงช่วยให้สดชื่น ชุ่มคอ แก้กระหาย - สาลี่มีธาตุอาหารมากมาย เช่น เบตาแคโรทีน วิตามินซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสายตา ตาบอดกลางคืน และช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ทั้งยังมี วิตามินเค แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และเส้นใยที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคเบาหวาน  กระตุ้นภูมิคุ้มกันแก้อาการท้องผูก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและความชรา
- ช่วยให้กระเพาะทำงานได้ดี ช่วยย่อย ขับปัสสาวะ กระตุ้นการทำงานของไต และลดความดันโลหิต

ข้อมูลเพิ่มเติม : 

วิตามินซี
มีการพบวิตามินซีความเข้มข้นสูงในเนื้อเยื่อของตา การขาดวิตามินซี สามารถก่อให้เกิดปัญหามากมายต่อดวงตา รวมทั้งการเกิดเลือดออกในเปลือกตาและเยื่อบุลูกตา

ในการวิจัย เช่น การศึกษาเรื่องโรคของดวงตาที่สัมพันธ์กับอายุ (AREDS – Age-related eye disease study) ได้เปิดเผยว่าการใช้อาหารเสริมต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งรวมถึงวิตามินซีนั้นให้ผลดีต่อสุขภาพตา
แหล่งอาหาร : แบล็คเคอร์เรนท์ สตรอเบอร์รี พริก และผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว

Vitamin C
Vitamin C is found in high concentrations in the tissues of the eye. Deficiencies can result in numerous eye problems, including bleeding in the lids and conjunctiva.

Trials such as the age-related eye disease study (AREDS) reveal positive eye health outcomes when using supplemental antioxidants including vitamin C.

FOOD SOURCES: blackcurrants, strawberries, capsicum and citrus fruits

วิตามินเอ
วิตามินเอ เป็นคำทั่วไปที่ใช้เรียกสารที่เกี่ยวข้องโดยรวมๆ ซึ่งสารเหล่านี้สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
(1) สารก่อรูปวิตามินเอ พบได้เฉพาะในอาหารที่มาจากสัตว์ ตัวอย่างเช่น เรตินอล
(2) โปรวิตามินเอ (แคโรทีนอยด์) พบมากในอาหารจำพวกที่มาจากพืช ตัวอย่างของเหล่านี้รวมถึงเบต้าแคโรทีน ลูทีน และซีแซนทิน
สารก่อรูปวิตามินเอ อาจช่วยป้องกันเยื่อบุจอรับภาพในตาจากการทำลายโดยอนุมูลอิสระ และเป็นที่ทราบกันว่าสารนี้ยังมีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหายจากกระบวนการนี้
การขาดวิตามินเอ เกี่ยวข้องกับโรคตาบอดกลางคืน และเป็นสาเหตุหลักของการตาบอดในเด็กชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งแท้จริงนั้นป้องกันได้

มีการพบแคโรทีนอยด์ ลูทีน และซีแซนทีนความเข้มข้นสูงในบริเวณจอประสาทตา (เรตินา) รวมทั้งบริเวณจุดกลางของจอรับภาพ (มาคิวลา) สารเหล่านี้ที่อยู่ในมาคิวลาช่วยดูดซับแสงสีฟ้าไว้ ซึ่งเชื่อกันว่าการทำลายตาโดยสารอนุมูลอิสระแบบที่เกี่ยวข้องกับแสงนี้มีบทบาทต่อการเสื่อมของตาไปตามอายุ และการได้รับอาหารที่มีลูทีน และซีแซนทีนในปริมาณสูงนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสื่อมเหล่านี้

แหล่งอาหาร : วิตามินเอพบในตับ ผลิตภัณฑ์นม และไข่ ส่วนลูทีนและซีแซนทีนนั้นพบในอาหาร เช่น ผักขม ผักคะน้าจีน (Kale) ผักคะน้าฝรั่ง (Collard) และบร็อคโคลี

คำแนะนำ
แคโรทีนอยด์จะถูกดูดซึมได้ดีที่สุดเมื่อได้รับพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณรับประทานสลัดที่ใส่แครอท ผักขม และฟักทอง ควรราดด้วยน้ำสลัดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก เป็นต้น

Vitamin A
Vitamin A is the generic term used to encompass a range of related compounds. These compounds can be divided into two key groups:

(1) Preformed vitamin A (retinoids), which are found only in foods of animal origin. An example is retinol.
(2) Provitamin A (carotenoids), found predominantly in food sources of plant origin. Examples of these include betacarotene, lutein and zeaxanthin

Preformed vitamin A may protect the photoreceptor membranes in the eye against oxidative damage and is known to have a role in the repair of cells that have been injured by this process.
Vitamin A deficiency is associated with night blindness and is the primary cause of preventable blindness in South-East Asian children .

The carotenoids lutein and zeaxanthin are found in high concentrations in the retina of the eye, including the macula. In the macula, these function to absorb blue light. Light- associated oxidative damage is believed to play a role in the development of age-related eye conditions, and high dietary intakes of lutein and zeaxanthin are linked to a lower risk of these.

FOOD SOURCES: Vitamin A is found in liver, dairy products and eggs; lutein and zeaxanthin are found in foods such as spinach, kale, collards and broccoli.

Quick fact
Carotenoids are best absorbed when taken with dietary fats. If you're eating a salad with carrots, spinach, and pumpkin for example, have it with a dressing containing oil eg. olive oil.
Thanks information from : Blackmores Thailand
http://goo.gl/RKc6kq


WHAT ARE THE BENEFITS OF ASIAN PEARS?

The Asian pear, also called Japanese pear or Nashi, is a small, round yellow fruit that may look more like an apple upon first glance. Once you bite into an Asian pear, you'll recognize the sweet pear taste you expect from other pears. Asian pears are as nutritious as they are tasty; their nutrients can contribute to your health in several ways.

Eye Health

Asian pears are rich in vitamin C, delivering approximately 80 percent of your daily needs. The Linus Pauling Institute recommends that adults consume 75mg of vitamin C daily, with smokers and pregnant women needing to increase this to 80 to 110 mg. Vitamin C is an antioxidant that can maintain your eye health, preventing a condition called cataracts that can potentially rob you of your sight. The World's Healthiest Foods explains that pears and other vitamin C-rich fruits can reduce your risk of age-related macular degeneration, or AMD, another eye disease that can destroy your vision.
Thanks information from : livestrong
http://goo.gl/nauOdN

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

Vitamin A , Vitamin C : Blackmores Thailand
http://www.blackmores.co.th/learning-centre/articles/bright-eyes-how-to-eat-for-better-eye-health

Asian Pears : livestrong
http://www.livestrong.com/article/262437-what-are-the-benefits-of-asian-pears/#ixzz2h7pbrE89

สาลี่ (ผลไม้) จาก : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
http://goo.gl/nea5IR

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินเพื่อบำรุงสายตาที่ดี Eat for Good Vision

กินเพื่อบำรุงสายตาที่ดี 
Eat for Good Vision

เวลาไปตรวจตา ผู้ป่วยบางคนได้วิตามินบำรุงสายตากลับบ้านไป บางคนไม่ได้ อายุก็ไม่ได้แตกต่างกัน แต่ทำไมถึงได้ยาไม่เหมือนกัน แล้วเมื่อไรคุณหมอจะสั่งวิตามินบำรุงสายตา คำถามเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในใจหลายๆ คน มาดูกันว่าใครที่สมควรได้วิตามินบำรุงสายตาบ้าง

ผลวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าการให้วิตามิน C, E เบต้าแคโรทีน, ธาตุสังกะสี, และธาตุทองแดง มีประโยชน์ในการชะลอการเสื่อมมากขึ้นของผู้ป่วยที่เป็น โรคจอประสาทตาเสื่อมตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป (Moderate Age-Related Macular Degeneration)

ทั้งนี้ในผู้ป่วยที่มีโรคจอประสาทตาเสื่อมเพียงเล็กน้อยอาจไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนักจากการรับประทานวิตามินดังกล่าว จักษุแพทย์จะเป็นผู้ประเมินระดับความเสื่อมของจอประสาทตาจากการขยายม่านตา (Iris)

ดังนั้นถ้ามาตรวจตาแล้วไม่ได้วิตามินกลับไปรับประทาน นั่นแสดงว่าจอประสาทตา (Retina) ยังมีสุขภาพดีอยู่หรือผิดปกติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นเรามีวิธีการบำรุงสายตาโดยการทานอาหารเสริมได้หรือไม่? จากการวิจัยของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ พบว่าการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารดังต่อไปนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้

1. วิตามิน A – เป็นสารที่ช่วยในการทำงานของจอประสาทตาและมีบทบาทสำคัญในการมองเวลากลางคืน ซึ่งพบมากในผักจำพวก ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ฟักทอง

2. วิตามิน B – มีการศึกษาพบว่าวิตามิน B1 และ B12 อาจมีบทบาทในการชะลอการเกิดต้อกระจกได้ โดยแหล่งที่มีวิตามินชนิดนี้มาก ได้แก่ ตับ ไข่ เนื้อสัตว์ นมสด

3. วิตามิน C – เป็นที่รู้จักกันดีของการชะลอความแก่ของร่างกายด้วยคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) นอกจากนั้นยังอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกได้อีกด้วย ผลไม้ที่มีวิตามิน C มาก ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม ส่วนผัก ได้แก่ กะหล่ำดอก บร็อคโคลี่

4. วิตามิน E – ก็เป็นวิตามินอีกตัวหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระซึ่งมีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา และจากการศึกษาพบว่าอาจมีบทบาทช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกเช่นเดียวกัน พบได้ใน น้ำมันธัญพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด ถั่วเหลือง

5. เบต้าแคโรทีน (betacarotene) – เป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ซึ่งมีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการมองเห็นในกลางคืนเช่นเดียวกับวิตามิน A พบมากในผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม เช่น แครอท มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ข้อควรระวังคือการรับประทานเบต้าแคโรทีนในรูปอาหารเสริมมากไปในคนที่สูบบุหรี่จะเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งปอดได้

6. ลูทีน และ ซีแซนทิน (lutein and zeaxanthin)เป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในจุดรับภาพที่จอประสาทตาและเลนส์ตา มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อม พบมากใน ผักโขม ไข่แดง ข้าวโพด บร็อคโคลี่

7. ซีลีเนียม (selenium) – เป็นสารอีกตัวหนึ่งที่ต้านอนุมูลอิสระและอาจช่วยชะลอการเกิดต้อกระจก โดยพบได้ใน หอยนางรม หอยลาย ตับไก่ เมล็ดทานตะวัน

8. สังกะสี (zinc) – มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ จากการศึกษาพบว่ามีส่วนช่วยในการทำให้จอประสาทตาเสื่อมที่เป็นอยู่แล้วเป็นช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสีได้แก่ หอยนางรม ตับ เนื้อสัตว์

9. สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) – นอกจากคุณสมบัติเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่สมองแล้วยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ เกี่ยวกับสายตาพบว่าอาจช่วยรักษาลานสายตาผิดปกติในต้อหินบางชนิดได้

10. โอเมก้า 3 (omega-3) – เป็นกรดไขมันที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ซึ่งพบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ผลไม้ที่พบได้เช่น ผลกีวี่ จะเห็นได้ว่าอาหารที่มีคุณสมบัติบำรุงสายตานั้นมีอยู่รอบๆ ตัวเรา หลายชนิดที่สามารถปลูกเป็นพืชผักสวนครัวได้ ดังนั้นคุณก็สามารถถนอมสายตาและมีสุขภาพดีได้โดยไม่ต้องใช้ยาบำรุงใดๆ เลย

ขอบพระคุณบทความโดย: พ.ญ.ปรียทรรศน์ ศุขโรจน์
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ผักผลไม้อาหารมีประโยชน์ต่อร่างกาย

ปลาแซลมอน เนื้อปลาแซลมอนนั้นมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ DHA ที่สามารถช่วยปกป้องจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายังช่วยในเรื่องของโรคตา และยังสามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้อีกด้วย

ผักคะน้า คะน้ามีลูทีน และ ซีแซนทีน ที่ช่วยบำรุงสายตาสูง รับประทานเป็นประจำจะช่วยลดอาการเสี่ยงของการเกิด โรคต้อกระจก ได้ถึง 20 % โรคกระจกตาเสื่อม (AMD) มะเร็งเต้านมและโรคหลอดเลือดหัวใจอีกด้วย

ผักเคล/กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม เคล กะหล่ำปลีชนิดสีเขียวเข้ม ผักขม หัวผักกาดเขียวและบล็อคโครี่นั้น มีคุณประโยชน์คือให้วิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตาให้มีประกายที่สดใส มีเบต้าแคโรทีน และยังช่วยต้านการเกิดโรคมะเร็ง มีแคลเซียม วิตามินซี และเส้นใยอาหารสามารถป้องกันโลหิตจางได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม webmd
http://www.webmd.com/eye-health/good-eyesight

Maintaining Good Eye Health

Don't take your eye health for granted. Protect your eyesight with these six tips:

1. Eat for Good Vision

Protecting your eyes starts with the food on your plate. Studies have shown that nutrients such as omega-3 fatty acids, lutein, zinc, and vitamins C and E may help ward off age-related vision problems such as macular degeneration and cataracts. Regularly eating these foods can help lead to good eye health:

- Green, leafy vegetables such as spinach, kale, and collards
- Salmon, tuna, and other oily fish
- Eggs, nuts, beans, and other non-meat protein sources
- Oranges and other citrus fruits or juices

Eating a well-balanced diet also helps you maintain a healthy weight, which makes you less likely to get obesity-related diseases such as type 2 diabetes. Diabetes is the leading cause of blindness in adults.

ประโยชน์ของมะเขือม่วง Health Benefits of Eggplant

ประโยชน์ของมะเขือม่วง (Eggplant)

มะเขือม่วง (eggplant) อยู่ในวงศ์มะเขือ (SOLANACEAE) มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Solanum melongena L. เป็นผัก (vegetable) ส่วนที่ใช้บริโภคคือ ผลที่มีรูปร่างกลมยาว สีม่วงคล้ำ ผิวเปลือกจะเรียบเกลี้ยงเป็นมัน ตรงขั้วผลก็จะมีกลีบเลี้ยงสีเขียวติดอยู่

มะเขือม่วง มีสารแอนโธไซยานิน (anthocyanin) ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคหัวใจอัมพาต

แอนโทไซยานิน (anthocyanin)

          แอนโทไซยานิน (anthocyanin) เป็นรงควัตถุที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ให้สีม่วงแดงในผักเพียงไม่กี่ชนิด เช่น กะหล่ำปลีม่วง มะเขือยาวม่วง และบีทรูท สภาพความเป็นกรดด่างมีผลอย่างมากต่อสีของแอนโทไซยานิน ในสภาพความเป็นกรดแอนโทไซยานินจะให้สีแดงสด ในขณะที่สภาพความเป็นด่างจะเป็นเป็นสีน้ำเงิน หรือเขียวน้ำเงิน

ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) 

          ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) เป็นกลุ่มสารสีที่ทำให้พืชมีสีที่หลากหลายขึ้นอยู่กับโครงสร้างทางเคมีของสาร เช่น อาจจะมีสีเหลือง สีส้ม สีแดง สีม่วง หรือให้สีอ่อนมาก โดยสามารถศึกษาตัวอย่างโครงสร้างของสารกลุ่มนี้ได้ใน http://buff.ly/19YgF98

ขอบคุณข้อมูลจาก : สสวท./มูลนิธิหมอชาวบ้าน/greenerald/LASIKLaserVisionThai
ขอบคุณภาพประกอบจาก tasty-dishes

ข้อมูลเพิ่มเติม : Health Food Nutrition
http://buff.ly/19Yehir

Benefits of Eating Eggplant for Health | Vegetables

Eggplant Benefits for Health | Eggplant purple rich health benefits. The fruit that comes from India which grows wild, starting first cultivated in China. Eggplant is a good source of fiber, source of Vitamin B and minerals such as magnesium and manganese. Color purple eggplant contains a substance called Anthocyanin. Anthocyanins can prevent high blood pressure, hepatosis (disease due to deficiency of vitamin E or selenium), and enhance vision at night.

ข้อแนะนำ

ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี

บทความที่ได้รับความนิยม