แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลูทีน ซีแซนทีน และวิตามิน เอ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ลูทีน ซีแซนทีน และวิตามิน เอ แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เสาวรส ผลไม้เพื่อสุขภาพ Benefits Of Passion Fruit

ประโยชน์ของเสาวรส Benefits Of Passion Fruit

     เสาวรส (Passion Fruit) บางพื้นที่หรือบางคนเรียกว่า กะทกรกฝรั่ง หรือจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Passion Fruit มีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ ทวีปอเมริกา แต่ก็เติบโตได้ดีในประเทศไทย ผลมีลักษณะต่างกันไปตามพันธุ์ มีทั้งรูปกลม รูปไข่ สำหรับเนื้อภายใน ก็มีหน้าตาคล้ายทับทิมบ้านเรานี่เอง

     จากการที่เสาวรสมีวิตามินเอค่อนข้างสูง และสารแคโรทีนอยด์ จึงช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่งได้ด้วย จากการศึกษาพบว่า วิตามินซีของน้ำเสาวรสจะมีมากกว่าที่พบในมะนาว และพบสาร Albumin homologous protein จากเมล็ด สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ และยังมีสรรพคุณ ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ

    รสชาติของเสาวรสนี้ก็ออกเปรี้ยว คนจึงนิยมนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ทั้งเป็นน้ำเสาวรสคั้นสด หรือเอามาผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆ อย่างน้ำส้ม สัปปะรด หรือแอปเปิ้ลก็ได้ และด้วยความเปรี้ยวนี้เองทำให้เสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินซี ใครที่เป็นหวัดเจ็บคออยู่ก็จิบน้ำเสาวรสเข้าไปก็จะช่วยบรรเทาอาการได้ หรือใครที่ยังไม่เป็นหวัด วิตามินซีในเสาวรสก็จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ข้อมูลอ้างอิง :
โหระพาดอทคอม
http://www.horapa.com/content.php?Category=Beverage&No=637


ข้อมูลอ้างอิง :
Health Benefits of Passion Fruit
http://voices.yahoo.com/health-benefits-passion-fruit-1905664.html?cat=5

The passion fruit, native to South America has many amazing health benefits to all who eat this sweet and aromatic fruit. Passion fruit was a staple of Aztec society and once Spanish missionaries laid eyes on the blossoms of the passion fruit, they named it thus as they said that the blossoms resembled the crown of thorns on Christ's head during the crucifixion.

Passion fruit has a very aromatic smell and can either be yellow or purple on the outside. The skin of the passion fruit is wrinkly and its pulp is a yellow, jelly-like substance with black seeds.

Now, one of the many health benefits of passion fruit is that its seeds (one cup) contains almost 25 grams of fiber. Passion fruit seeds are a great source of fiber that the body needs to cleanse the colon, improve digestion, and help prevent heart attacks and strokes. Fiber attaches itself to the buildup found in the colon wall, pulls it out and makes the colon clean and clear from disturbances. This makes it easier for the body to digest food and in the long run, prevents the development of colon cancer. A similar process takes place in the valves of the heart whereby fiber flushes out the buildup of fat and cholesterol in the heart, protecting the body against heart attacks, heart disease and strokes.

Passion fruit also benefits those who eat it by providing the body with high doses of Vitamin A and C. Vitamin A helps the body to remove free radicals that cause skin and tissue damage, and it helps to improve our vision. Meanwhile Vitamin C helps to repair tissue, helps prevent heart disease and cancer and helps our bones.

A 2008 study found that subjects who took passion fruit extracts and who suffer from asthma, got relief from symptoms of coughing and wheezing by 76 percent. The antioxidants found in passion fruit is believed to block histamine, reduce allergy and inflammation; passion fruit therefore has the health benefit of reducing the symptoms of asthma.

The antioxidant and flavonoid found in passion fruit have also been found by some researchers at the University of Florida to inhibit the growth of cancer cells.

Passion fruit can be found in market stands anywhere, so if you want to reap the rewards of the many health benefits of passion fruit, you may want to pick some up at your local supermarket.

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

อะโวคาโด ผลไม้เพื่อสุขภาพ Avocado Health Benefits

อะโวคาโด ผลไม้เพื่อสุขภาพ Avocado Health Benefits

อะโวคาโด (Avocado) เป็นผลไม้ที่มีเนื้อมันเป็นเนย คุณค่าทางอาหารเมื่อเทียบกับผลไม้อื่นพบว่า อะโวคาโด มีคุณค่าทางอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า จึงถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” เพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุ สารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย และวิตามินหลายชนิดที่ช่วยบำรุงสายตา

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของอโวคาโด (Avocado)


1. เนื้อผลประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ประมาณ 4-20% แล้วแต่พันธุ์ โดยกรดไขมันในอะโวคาโด ร้อยละ 70 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิด monounsaturater fatty acid ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยช่วยลดปริมาณ LDL-cholesterol ซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย และเพิ่มปริมาณ HDL-cholesterol ในเลือดซึ่งเป็นคอเลสเตอรอลที่เป็นผลดีต่อร่างกาย

มีประโยชน์ในการป้องกัน โรคหัวใจซึ่งเป็นประโยชน์ในการลดไขมันในเส้นเลือด คนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงก็บริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้และใช้ลดน้ำหนักได้ดี เพราะปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำแต่มีน้ำตาลต่ำ ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานจึงสามารถบริโภคผลไม้ชนิดนี้ได้


2. น้ำมันอะโวคาโด (Avocado oil) เป็นน้ำมันสกัดจากเนื้อของผลอะโวคาโด เป็นน้ำมันที่ดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันอัลมอนด์ และน้ำมันมะกอก ประกอบด้วยวิตามินอี กรดไขมัน linoleic และ oleic, phytosterol ใช้นวดศีรษะเร่งการงอกของผม น้ำมันนี้มีกลิ่นคล้ายเมล็ดถั่วคงตัวดี น้ำมันที่ใช้ในการปรุงอาหารก็มีส่วนช่วยให้วิตามินและสารอาหารที่ละลายในไขมันสามารถถูกดูดซึมนำไปใช้ได้ สลัดผักจำพวกผักใบเขียวอย่างผักโขม เลตตูซ มะเขือเทศ และแครอทที่ใช้น้ำมันสลัดที่ปราศจากไขมันจะทำให้คาโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมันซึ่งอยู่ในพืชผักเหล่านี้ไม่สามารถถูกดูดซึมนำไปใช้ได้

ไขมันที่อยู่ในอะโวคาโดช่วยในการดูดซึมคาโรทีนอยด์ที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไลโคพีนในมะเขือเทศ เบต้า-แคโรทีนในผักสีส้ม และลูทีนในผักใบเขียว


3. วิตามินสูง ประกอบด้วย วิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) ช่วยบำรุงสายตา วิตามินบีช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ปากนกกระจอก วิตามินซีช่วยป้องกันหวัด เลือดออกตามไรฟัน และโดยเฉพาะวิตามินอี ซึ่งเป็นสาร antioxidant ที่มีคุณค่าในการปกป้องเซลล์ ร่างกายจากมลพิษทางอากาศ น้ำ และอาหาร ป้องกันร่างกายจากโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ และโรคหัวใจ ในผู้ใหญ่ควรบริโภควิตามินอีอย่างน้อย 10 mg ต่อวัน ผู้หญิงในอเมริกาใต้และเม็กซิโกใช้ผลอะโวคาโดสดสำหรับบำรุงเส้นผมและผิวพรรณมานับพันปีแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแห้งให้นำอะโวคาโดมาบดผสมกับกล้วยหอมสุขและน้ำผึ้งในอัตรส่วน 1:1:1 ช้อนชา ผสมให้เข้ากันแล้วทาให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออก คุณก็จะมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นมีชีวิตชีวาและยังใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญเพื่อการสกัดน้ำมันในอุตสาหกรรมทำเครื่องสำอางประทินผิวต่าง ๆ


4. อุดมไปด้วยแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโซเดียม โพแทสเซียม โฟเลต ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะโฟเลตนั้นเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากโฟเลตเป็สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อของทารก คนไทยสมัยก่อนใช้กล้วยเป็นอาหารเลี้ยงทารก อะโวคาโดก็เช่นกันสามารถใช้เป็นอาหารเลี้ยงทารกได้โดยอาจใช้เนื้ออะโวคาโดสุกป้อนเด็กทารกโดยตรงหรือผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกอัตราส่วน 1:1


5. โปรตีนสูงกว่าผลไม้สดอื่น ๆ ประมาณ 0.8 – 1.7 % โดยให้ค่าพลังงานความร้อนต่อร่างกายสูงแต่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเยื่อใยสูงซึ่งเป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย


อะโวคาโด (Avocado) มีประโยชน์มากอย่างนี้หวังว่าคนไทยจะหันมาบริโภคอะโวคาโดกันมากขึ้น ผลอะโวคาโดสามารถนำมาปรุงเป็นอาหาร และขนมได้หลากหลายเมนูทีเดียว โดยสามารถนำอะโวคาโดมาจิ้มน้ำพริกแทนผัก ทำสลัด ไอศกรีม ซูชิ  อะโวคาโด-ลอดช่องน้ำกะทิ ทาขนมปังแทนเนย รับประทานกับน้ำตาล รสหวาน มัน โรยเกลือป่นรสจะเค็ม ๆ มัน ๆ เราลองมาทำอาหารอร่อย ที่ปรุงง่ายจากอะโวคาโดกันดีกว่าน่ะค่ะ


ข้อมูลอ้างอิง :
คณะผู้วิจัย : ขวัญหทัย ทนงจิตร,  รักเกียรติ  ชอบเกื้อ และ องอาจ หาญชาญเลิศ
หน่วยงาน : สถานีวิจัยปากช่อง  สถาบันอินทรีจันทรสถิตย์เพื่อการค้นคว้าและพัฒนาพืชศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch52/04-plant/kwanhatai/plant_00.html

Health Benefits of Avocado

Due to the avocado's rich monounsaturated fat content, if avocados are used in preparing creamy dips and spreads -- in place of saturated fats such as butter or cream -- an individual may reduce her risk of developing heart disease. This is due to the fact that monounsaturated fats, in place of saturated fats, help lower the total cholesterol and low-density lipoprotein, or "bad," cholesterol levels in the blood, according to the MayoClinic.com. The California Avocado Commission reports that, along with being cholesterol- and sodium-free, avocados may also increase the body's ability to absorb more fat-soluble nutrients such as lutein, from foods that are eaten alongside them. Lutein is an antioxidant important for eye and skin health.

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : LIVESTRONG
Read more: http://www.livestrong.com/article/354788-is-it-healthy-to-eat-avocados-every-day/#ixzz2dhFOea58

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

คุณประโยชน์ของลูทีนและซีแซนทีนต่อดวงตา Benefits Of Lutein Zeaxanthin

คุณประโยชน์ของลูทีนและซีแซนทีนต่อดวงตา 
Benefits Of Lutein Zeaxanthin

คุณประโยชน์ของลูทีนและซีแซนทีนต่อดวงตา

ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารธรรมชาติที่มีในพืชผักผลไม้หลายชนิด เป็นสารในตระกูลของสารแคโรทีนอยด์

และพบได้ในบริเวณดวงตาตรงบริเวณเลนส์ตาและจอรับภาพของตาในธรรมชาติแล้ว แม้จะมีแคโรทีนอยด์มากกว่า  600 ชนิด แต่มีเพียงสาร 2 ชนิดนี้เท่านั้นที่พบในจุดรับภาพของจอตา สารทั้งสองชนิดนี้จะทำหน้าที่ช่วยกรองหรือป้องกันรังสีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา และช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงทำหน้าที่บำรุงตา ทำให้จอตาไม่เสื่อมเร็ว

พืชผักที่มีสารลูทีนและซีแซนทีน โดยมากมักจะเป็นผักผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ข้าวโพด แครอท ฟักทอง ผักกาด ผักปวยเล้ง คะน้า ผักโขมฯ การบริโภคพืชผักที่มีลูทีนและซีแซนทีน หรือแม้แต่อาหารสุขภาพที่มีสารสำคัญนี้มีประโยชน์ในโรคหลายชนิดด้วยกัน ที่สำคัญคือ โรคต้อกระจก และโรคจุดรับภาพเสื่อม

โรคต้อกระจก

คือภาวะที่กระจกตาหรือเลนส์ตาขุ่น ทำให้แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปในตาได้ ตามปกติต้อกระจกไม่ใช่โรคติดต่อ ต้อกระจกจะค่อยๆ ขุ่นไปอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นปีๆ และสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด

โรคจุดรับภาพเสือม

เกิดจากการเสื่อมของจุดรับภาพ (Macular) ซึ่งเป็นกลางจอตา (Retina) ทำให้การมองเห็นภาพเบลอบิดเบี้ยว บางครั้งอาจรุนแรงขนาดเห็นจุดดำมาบังภาพอยู่ตลอดเวลา

ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคต้อกระจก

กลไลของลูทีนและซีแซนทีน สามารถลด ป้องกัน หรือชะลอการเกิดต้อกระจกได้นั้น เป็นเพราะลดกลไกการเกิดความเสื่อมของโรคต้อกระจกโดยตรง (อ้างอิงที่ 1) และการที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (อ้างอิงที่ 2, 3) เพราะอนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดต้อกระจก (อ้างอิงที่ 4) มีการวิจัยในกลุ่มผู้สูงอายุ ต่างๆ พบว่ากลุ่มที่มีระดับของลูทีนและซีแซนทีนในกระแสเลือดสูงจะมีความขุ่นของเลนส์ตาน้อยกว่า ซึ่งเป็นการวิจัยของจักษุแพทย์และผู้วิจัยสรุปว่า ลูทีนและซีแซนทีน น่าจะลดการเกิดความเสื่อมของเลนส์ตาในผู้สูงอายุได้จริง (อ้างอิงที่ 5) ยังมีการวิจัยว่าการรับประทานลูทีนในปริมาณสูงเพิ่มความสามารถในการมองเห็นของผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกไปแล้ว การวิจัยนี้เป็นการวิจัยที่มีการออกแบบแผนการวิจัยมาอย่างดี และทำการทดลองเป็นเวลานานถึงสองปี (อ้างอิงที่ 6)การวิจัยที่ Harvard  School of Public Health, Boston ในผู้ชาย 36,644 คน ที่ได้รับอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ พบว่ากลุ่มที่ได้รับอาหารเสริมเป็นลูทีนและซีแซนทีน จะลดความเสื่อมของโรคต้อกระจกถึง 19% (อ้างอิงที่ 7)
และที่ University of Massachusetts ทำวิจัยในสุภาพสตรีถึง 50,461 คนพบว่า ลูทีนและซีแซนทีน จะลดความเสี่ยงของโรคต้อกระจกถึง 22% (อ้างอิงที่ 8) การวิจัยที่ University of  Wisconsin  Madison Medical School ในผู้สูงอายุ 43-48 ปี จำนวน 1,354 คน พบว่าช่วยลดอุบัติการณ์ของต้อกระจกที่เกิดตรงกลางเลนส์ (Nuclear Cataracts) ได้ถึง 50% (อ้างอิงที่ 9) จากการวิจัยทั้งหมดนี้จึงเป็นที่ยอมรับว่า ลูทีนและซีแซนทีนลดอุบัติการณ์โรคต้อกระจกในผู้สูงอายุได้จริง

ลูทีนและซีแซนทีนกับโรคจุดรับภาพเสื่อม

นอกจากลูทีนและซีแซนทีนจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกแล้ว ยังพบว่ามีประโยชน์ในโรคจุดรับภาพเสื่อม ซึ่งมีหลายๆ การศึกษาสนับสนุนข้อมูลดังกล่าว โดยพบว่าถ้าปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในลูกตาลดน้อยลง จะพบความเสื่อมมากขึ้นในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อม (อ้างอิงที่ 10) และความเสี่ยงในการเป็นโรคจุดรับภาพเสื่อมจะลดลง หากมีปริมาณลูทีนและซีแซนทีนในเลือดสูงขึ้น (อ้างอิงที่ 11, 12) แสดงให้เห็นว่า การบริโภคอาหารที่มีลูทีนและซีแซนทีน สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้

วิตามิน เอ

วิตามิน เอ มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ที่สำคัญ คือ ช่วยในการมองเห็น (อ้างอิงที่ 13)  โดยไปร่วมใช้ ในการสร้างสารที่ใช้ในการมองเห็น หากขาดจะทำให้มองเห็นได้ยากในเวลากลางคืนหรือในที่แสงสว่างน้อย และทำให้เยื่อบุตาแห้ง กระจกตาเป็นแผล ในกรณีที่ร่างกายขาดวิตามิน เอ อย่างรุนแรงอาจทำให้ตาบอดได้

เอกสารอ้างอิง :
1. The body of evidence to support a protective role for lutein and zeaxanthin in delaying chronic
disease. Overview. J Nutr. 2002 Mar;132(3):518S-524S
2. Antioxidant and prooxidant properties of carotenoids. Arch Biochem Biophys. 2001 Jan 1;385(1):20-7
3. Biochim. Biophys. Acta 199;1068:68-72
4. Ocular photosensitization. Photochem Photobiol. 1987 Dec;46(6):1051-5
5. Lens aging in relation to nutritional determinants and possible risk factors for age-related cataract.
Arch Ophthalmol. 2002 Dec;120(12):1732-7
6. Lutein, but not alpha-tocopherol, supplementation improves visual function in patients with
age-related cataracts: a 2-y double-blind, placebo-controlled pilot study. Nutrition. 2003 Jan;19(1):21-4
7. A prospective study of carotenoid intake and risk of cataract extraction in US men. Am J Clin Nutr.
1999 Oct;70(4):517-24
8. A prospective study of carotenoid and vitamin A intakes and risk of cataract extraction in US women.
Am J Clin Nutr. 1999 Oct;70(4):509-16
9. Antioxidant intake and risk of incident age-related nuclear cataracts in the Beaver Dam Eye Study.
Am J Epidemiol. 1999 May 1;149(9):801-9
10. The macular pigment: a possible role in protection from age-related macular degeneration.
Adv Pharmacol. 1997;38:537-56
11. Antioxidant status and neovascular age-related macular degeneration. Eye Disease Case-Control
Study Group. Arch Ophthalmol. 1993 Jan;111(1):104-9
12. Dietary carotenoids, vitamins A, C, and E, and advanced age-related macular degeneration.
Eye Disease Case-Control Study Group. JAMA. 1994 Nov 9;272(18):1413-20
13. ประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแสดงข้อความกล่าวอ้างเกี่ยวกับหน้าที่ของสารอาหาร http://newsser.fda.moph.go.th/food/file/Laws/Announcement%20of%20the%20Food%20and%20Drug
%20Administration/Nutrition_Claim(11-08-51).pdf

ขอบคุณข้อมูลจาก : กิฟฟารีน

ข้อแนะนำ

ในแต่ละวันควรบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ และทานอาหารให้หลากหลาย ไม่รับประทานอาหารซ้ำๆกันทุกวัน เพื่อประโยชน์ต่อร่างกายและมีสุขภาพที่ดี

บทความที่ได้รับความนิยม